เลขา กกต.เผย ปชน.ขอนับคะแนนนายก อบจ.ใหม่ 2 จังหวัด ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์

เลขา กกต.แถลงสรุปผลเลือกตั้ง อบจ.68 ยันยอดคนใช้สิทธิน้อยไม่เกี่ยวเลือกวันเสาร์ ชี้น้อยกว่าปี 63 แค่ 4% ลั่นไม่กระทบสุจริตเที่ยงธรรม ผู้สมัครทุกคนอยู่ใต้กติกาเดียวกัน เผย ปชน.ขอนับคะแนนใหม่ สมุทรปราการ-เชียงใหม่ ต้องดูก่อนเข้าหลักเกณฑ์หรือไม่
จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่ข้อมูลผลการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั้งในส่วนนายก อบจ. 47 จังหวัด และ ส.อบจ. 76 จังหวัด เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น
อ่านข่าว: กกต.สรุปเลือกตั้งนายก อบจ. ใช้สิทธิ 58.45% โหวตโน 1.1 ล.ใบ บัตรเสียเกือบล้าน
เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2568 ที่สำนักงาน กกต.นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แถลงสรุปภาพรวมการเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2568 ว่า สาเหตุที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์น้อย ไม่ได้ตามเป้าเพราะจัดการเลือกตั้งวันเสาร์ว่า เรื่องนี้เคยชี้แจงว่ามีข้อจำกัดที่ข้อกฎหมายที่ต้องเลือกภายใน 45 วัน และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พบว่ามี 6 จังหวัดที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร หรือเกาะ ส่งรายงานผลคะแนนและหีบบัตรเกินเวลา 24.00 น.ของวันที่ 1 ก.พ. สะท้อนว่า สิ่งที่เราได้ตัดสินใจนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันเราได้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติหน้าที่ ครั้งนี้ก็เกิดเหตุกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตระหว่างส่งหีบบัตร ขอแสดงความเสียใจและ กกต.จะดูแลตามสิทธิที่ กปน.ควรจะได้รับ ดังนั้น การเลือกวันเลือกตั้ง จึงต้องตัดสินใจบนพื้นฐานที่ไม่กดดันการทำงานของผู้ปฏิบัติงานด้วย และการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันเสาร์ ไม่ได้กระทบต่อการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม เพราะผู้สมัครทุกคนแข่งขันขันอย่างเท่าเทียม ภายใต้กติกาเดียวกัน อีกทั้งจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิน้อยกว่าการจัดเลือกตั้งปี 2563 เพียง 4% แต่ถ้าเทียบการจัดเลือกตั้ง อบจ.วันเสาร์คราวนี้ มีการเลือกตั้ง 29 จังหวัดไปก่อนหน้านี้แล้ว ถือว่า ครั้งนี้ดีกว่า
นายแสวง กล่าวอีกว่า ส่วนจำนวนบัตรเสีย ยืนยันว่าไม่ต่างจากปี 2563 โดยบัตรเสียจากการเลือกนายก อบจ. ถือว่าเท่ากับปี 2563 ขณะที่บัตรเสียจากการเลือก ส.อบจ.ครั้งนี้มีน้อยกว่าเมื่อครั้งปี 2563 อยู่ที่ 7.63 เปอร์เซ็นต์ จากการได้รับข้อมูลพบว่า สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากตัวระบบเองที่ทำให้มีเบอร์ของผู้สมัครที่ส่งในนามพรรค และส่งในนามสมาชิก บางจังหวัดมีการแข่ง ทำให้จำนวนไม่เท่ากัน เพราะบางจังหวัดเลือกเฉพาะสมาชิก บางจังหวัดก็เลือกทั้ง 2 ประเภท ทำให้ประชาชนอาจสับสน ลงคะแนนในช่องที่ไม่มีผู้สมัคร มองได้ว่าไม่ได้เป็นการตั้งใจทำให้บัตรเสีย
ขณะเดียวกัน ยังมีการแบ่งเขตใหม่จึงทำให้ประชาชนสับสน ส่วนที่ตั้งใจทำให้เป็นบัตรเสียนั้นมีส่วนน้อย สำหรับบัตรโหวตโน ไม่เลือกใครนั้น กกต.ไปตอบแทนประชาชนไม่ได้ แต่ช่องนี้น่าจะเป็นการแสดงความรู้สึกของประชาชนต่อผู้สมัครในเขตนั้น ๆ ซึ่งครั้งนี้มี ส.อบจ.ไม่ผ่านเกณฑ์คะแนนตามที่กฎหมายกำหนด 3 เขต คือได้คะแนนเสียงไม่มากกว่าคะแนนที่ไม่เลือกผู้ใด ประกอบด้วย จังหวัดสุพรรณบุรี อำเภอเมืองสุพรรณบุรี เขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดตรัง อำเภอเมืองตรัง เขตเลือกตั้งที่ 2 และ จังหวัดชุมพร อำเภอสวี เขตเลือกตั้งที่ 4 และมีอีก 1 เขตที่ไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากผู้สมัครถูกตัดสิทธิไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง คือหวัดชัยนาท อำเภอวัดสิงห์ เขตเลือกตั้งที่ 1
ดังนั้น ทั้ง 4 จังหวัดนี้ต้องเลือตั้งใหม่ โดยผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั้ง 4 จังหวัด จะต้องประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ ภายใน 7 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง และดำเนินการรับสมัครใหม่ในเขตเลือกตั้ง และกำหนดวันเลือกตั้งไม่เกิน 45 วัน นับแต่วันที่ประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ นอกจากนี้ ยังพบว่า มี 4-5 จังหวัดที่พบจำนวนบัตรกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์จำนวนไม่ตรงกัน ซึ่งตรงนี้ทางจังหวัดต้องพิจารณาและเสนอมาที่กกต.ว่าสมควรจะให้มีนับคะแนนใหม่ หรือลงคะแนนเลือกตั้งใหม่
ส่วนที่พรรคประชาชนจะเสนอให้มีการนับคะแนนเลือกนายก อบจ.ที่จังหวัดเชียงใหม่ และสมุทรปราการ เนื่องจากเห็นว่า มีจำนวนบัตรเสียเยอะ นายแสวง กล่าวว่า เรื่องการนับคะแนนใหม่นั้น มีหลักเกณฑ์อยู่ เช่น ระหว่างการนับคะแนนมีการทักท้วงและมีการทำบันทึกไว้หรือไม่ ต้องไปพิจารณาว่าเข้าหลักเกณฑ์นั้นหรือไม่ ส่วนเรื่องทุจริตการเลือกตั้ง ทั้งที่ปรากฏทางสื่อช่องทางต่างๆ นั้น อยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักงาน และล่าสุดจำนวนเรื่องร้องเรียนมี 180 เรื่อง