มองข้ามช็อตศึกนายก อบจ. ‘ทักษิณ’ สิ้นลาย ‘บ้านใหญ่’ เป็นต่อ?

มองข้ามช็อตศึกนายก อบจ. ‘ทักษิณ’ สิ้นลาย ‘บ้านใหญ่’ เป็นต่อ?

มองข้ามช็อต ‘ศึกนายก อบจ.’ 3 เส้า ‘แดง-น้ำเงิน-ส้ม’ ถึงคราว‘ทักษิณ’ สิ้นลาย? ‘เช็กว่าที่นายกอบจ.’ การเมืองฉบับ‘บ้านใหญ่’ เป็นต่อ

KEY

POINTS

  • ศึกชิงนายกอบจ.สะท้อนการเมืองฉบับ “บ้านใหญ่”  รอบนี้ยังคงช่วงชิงความได้เปรียบคู่ต่อสู้โดยเฉพาะกระแสพรรคส้ม ที่ยังเป็นรองในหลายพื้นที่ 
  • "วีระเดช ภู่พิสิฐ" ที่สามารถปักธงส้มหนึ่งเดียวหากจะบอกว่า พรรคประชาชน ไม่ได้หวังพึ่งบ้านใหญ่ก็อาจไม่ใช่เสียทีเดียว 
  •  “มนต์ขลังทักษิณ” ถึงคราวเสื่อม เช็กจังหวัดที่ “นายใหญ่”ลงพื้นที่หาเสียงด้วยตนเองมีทั้งจังหวัดที่พรรคเพื่อไทยทั้งชนะ และแพ้
  •  เรื่องนี้เหมือนกีฬา แข่งเสร็จก็จบ  ไม่กระทบพรรคร่วมรัฐบาล? 

 

ผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ นายกอบจ. 2568 ทั่วประเทศ 47 จังหวัด เมื่อวันที่ 1 ก.พ. มี“พรรคการเมือง” รวมถึงกลุ่มการเมือง พากันคว้าชัย ประกอบด้วย

พรรคเพื่อไทย ได้ 10 ที่นั่ง ได้แก่  เชียงใหม่  ลำปาง แพร่  น่าน  นครราชสีมา สกลนคร สกลนคร หนองคาย  มหาสารคาม  นครพนม และจ.ปราจีนบุรี

พรรคภูมิใจไทย ได้ 9 ที่นั่ง ได้แก่  ศรีสะเกษ บุรีรัมย์  บึงกาฬ  อำนาจเจริญ  ลพบุรี  พิจิตร  เชียงราย  กระบี่ และ สตูล

พรรคชาติไทยพัฒนา 2 ที่นั่ง ได้แก่  สุพรรณบุรี และ นครปฐม  

พรรคประชาชาติ 2 ที่นั่ง ได้แก่  นราธิวาส และจ.ยะลา

พรรคกล้าธรรม ได้ 2 ที่นั่ง ได้แก่  หนองบัวลำภู และ สมุทรสงคราม  

พรรคประชาชน ได้ 1 ที่นั่ง คือ  ลำพูน

มองข้ามช็อตศึกนายก อบจ. ‘ทักษิณ’ สิ้นลาย ‘บ้านใหญ่’ เป็นต่อ?

ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งรอบนี้ มี “21บ้านใหญ่” ทั้งที่สังกัดพรรคการเมือง หรือการร่วมกันของกลุ่มก้อนการเมือง คว้าชัย ได้แก่  ชลบุรี วิทยา คุณปลื้ม แชมป์เก่า  ระยอง ปิยะ ปิตุเตชะ  ฉะเชิงเทรา กุลยุทธ ฉายแสง  จันทบุรี ธนภณ กิจกาญจน์  สมุทรปราการ สุนทร ปานแสงทอง สมุทรสาคร อุดม ไกรวัตนุสสรณ์ 

ตราด วิเชียร ทรัพย์เจริญ  สิงห์บุรี ศภวัฒน์ เทียนถาวร  นนทบุรี พ.ต.อ.ธงชัย เย็นประเสริฐ  สระบุรี สัญญา บุญ-หลง  นครนายก นิดา ขนายงาม จ.ประจวบคีรีขันธ์ สราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์

พัทลุง วิสุทธิ์ ธรรมเพชร สงขลา สุพิศ พิทักษ์ธรรม  พังงา บำรุง ปิยนามวาณิช  ภูเก็ต เรวัต อารีรอบ  ปัตตานี เศรษฐ์ อัลยุฟรี  มุกดาหาร วีระพงษ์ ทองผา  แม่ฮ่องสอน อัครเดช วันไชยธนวงศ์  ตรัง บุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ และสุราษฎร์ธานี โสภา กาญจนะ

เมื่อรวมกับที่เลือกตั้งไปก่อนหน้านี้ 29 จังหวัด 

ปี 2565 มีการเลือกตั้ง 2 จังหวัด ประกอบด้วย กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทยชนะทั้ง 2 จังหวัด

ปี 2566 มีการเลือกตั้ง 2 จังหวัด ประกอบด้วย  สระแก้ว และกาญจนบุรี พรรคเพื่อไทยชนะ 1 จังหวัด คือกาญจนบุรี ส่วนสระแก้วเป็นของพรรคพลังประชารัฐ

มองข้ามช็อตศึกนายก อบจ. ‘ทักษิณ’ สิ้นลาย ‘บ้านใหญ่’ เป็นต่อ?

ปี 2567 มีการเลือกตั้ง 25 จังหวัด 

พรรคเพื่อไทย ชนะไป 7 จังหวัด คือ ขอนแก่น พะเยา ยโสธร สุโขทัย อุดรธานี อุตรดิตถ์ และอุบลราชธานี

พรรคภูมิใจไทย ชนะไป 10 จังหวัด คือ ชัยภูมิ นครสวรรค์ นครศรีธรรมราช ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ระนอง เลย สุรินทร์ อ่างทอง และอุทัยธานี

พรรครวมไทยสร้างชาติ ชนะไป 4 จังหวัด คือ ชุมพร ชัยนาท ตาก และ เพชรบุรี

พรรคพลังประชารัฐ ชนะไป 3 จังหวัด ประกอบด้วย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และ ราชบุรี (ปัจจุบันย้ายไปสนับสนุนพรรคกล้าธรรม)

มองข้ามช็อตศึกนายก อบจ. ‘ทักษิณ’ สิ้นลาย ‘บ้านใหญ่’ เป็นต่อ?

การเมืองท้องถิ่นบ้านใหญ่ผงาด

ผลการเลือกตั้งนายกฯ อบจ.ที่ออกมา เมื่อวันที่ 1 ก.พ.สะท้อนให้เห็นหลากหลายปรากฎการณ์ และฉายภาพไปถึง “ฉากการเมือง” หลังจากนี้ 

ไม่ว่าจะเป็นการเมืองฉบับ “บ้านใหญ่” ทั้งบ้านใหญ่ที่ยังมีความแอบอิงกับพรรคการเมืองอยู่ หรือบางบ้านที่รอบนี้สลัดสีเสื้อขายแบรนด์บ้านใหญ่อย่างชัดแจ้ง รอบนี้ยังคงช่วงชิงความได้เปรียบคู่ต่อสู้โดยเฉพาะกระแสพรรคส้ม ที่ยังเป็นรองในหลายพื้นที่ 

อาทิ ชลบุรี ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า เป็นขุมกำลังสำคัญของตระกูลคุณปลื้ม ระยอง ฐานเสียงของตระกูลปิตุเตชะ  สมุทรปราการ ฐานที่มั่นตระกูลอัศวเหม หรือ ภูเก็ต ฐานที่มั่นบ้านใหญ่อารีรอบ ซึ่งทั้งหมดถูกสีส้มกลืนกินในการเลือกตั้งสนามใหญ่ทั้งสิ้น 

แน่นอนว่า ศึกนายกอบจ.ย่อมกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของบรรดาบ้านใหญ่เหล่านี้ ที่จะต้องวิเคราะห์ความเหมือน-ต่างกันของบริบทการเมืองที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ 

รุมกินโต๊ะ 'พรรคพวกเดียวกัน' 

ถัดมาการเมืองแบบฉบับ "รุมกินโต๊ะ"  พรรคพวกเดียวกัน  เห็นชัดจากหลายหลายพื้นที่โดยเฉพาะโซนภาคใต้ ไล่ตั้งแต่จ.นครศรีธรรมราชที่มีการเลือกตั้งไปก่อนหน้านี้ ที่เห็นภาพของการผนึกกำลังระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ จนกระทั่งเป็นแรงหนุน“น้ำ” วารินทร์ ชินวงศ์ ล้มบ้านใหญ่เดชเดโช นั่งนายกอบจ.ในท้ายที่สุด 

ไม่ต่างจากจ.สุราษฎร์ธานี ที่เห็นชัดจากการผนึกกำลังกัน ระหว่าง บ้านใหญ่กาญจนะ แห่งพรรครวมไทยสร้างชาติ และสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำกปปส.ประมุขบ้านใหญ่เทือกสุบรรรณ โดยมีสส.ภูมิใจไทยหนุนอีกแรง จนส่งผลให้ "โสภา กาญจนะ"ล้ม "กำนันศักดิ์" พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้วแห่งค่ายผู้กอง ขึ้นแท่นนายกอบจ.หญิงคนแรกของเมืองร้อยเกาะท่ามกลางข่าวคราวการยิงกระสุนกันอย่างหนักในช่วงโค้งสุดท้าย 

 หรืออีกจังหวัดคือ จ.สงขลา ที่ย่อมเรียนรู้บทเรียนจากนครศรีธรรมราช มาแล้ว จึงเห็นชัดจากสัญญาณการผนึกกำลังระหว่าง “เดชอิศม์ ขาวทอง” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนิพนธ์ บุญญามณี เปิดดีลเคลียร์ใจ "ไพเจน มากสุวรรณ์" นายกอบจ.คนเก่า ยอมหลีกทางให้  “สุพิศ พิทักษ์ธรรม” ลงชิงหนึ่งเดียว 

จนกระทั่งลอยลำทิ้งห่างคู่แข่ง โดยเฉพาะ “นายกแบน” ประสงค์ บริรักษ์ แห่งภูมิใจไทย ตัวแทนบ้านใหญ่รัชกิจประการ เข้าวินนายกอบจ.ในท้ายที่สุด

สงครามตัวแทนวัดพลังเดือด 

ไม่ต่างไปจาก “สงครามตัวแทน” ที่สะท้อนเกมวัดพลังในหลายพื้นที่ ยกตัวอย่าง จ.นครพนม ที่เห็นฉากการฟาดฟันกันระหว่าง “รมต.เดือน” มนพร เจริญศรี สส.นครพนมและเป็นรมช.คมนาคม  แห่งพรรคเพื่อไทย ส่ง “นายกเบียร์”อนุชิต หงษาดี คนสนิทลงชิง ชนกับ “นายกขวัญ” ศุภพานี โพธิ์สุ แชมป์เก่า ลูกสาว “สหายแสง” ศุภชัย โพธิ์สุ จากพรรคภูมิใจไทย 

ศึกรอบนี้ฝั่ง “รมต.เดือน” ถือไพ่เหนือทั้งการผนึกกำลังกับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.คมนาคม รวมถึงกระแส “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ลงพื้นที่ช่วยหาเสียง 

เหนือไปกว่านั้นยังมีแรงหนุนจาก “ไพจิต ศรีวรขาน” บ้านใหญ่เรณูนคร แห่งพรรคเพื่อไทย ที่รอบนี้เดินคนละทางกับ “สหายแสง” เพื่อนรัก  หันมาหนุน“นายกเบียร์” จนสามารถล้ม แชมป์เก่า ขึ้นแท่นนายกอบจ.คนใหม่ในท้ายที่สุด 

หรืออีกหนึ่งสงครามตัวแทนที่ดุเดือดไม่แพ้กันคือที่ จ.สุพรรณบุรี ดินแดนมังกรศิลปอาชา แห่งพรรคชาติไทยพัฒนา รอบนี้“รมต.ลูกท๊อป” วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค และ  ประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค หนุน “อุดม โปร่งฟ้า” ชนกับ “บุญชู จันทร์สุวรรณ” แชมป์เก่า ที่นั่งคุมบังเหียนมานาน 20 ปี  

ทว่าเมื่อเลือดสุพรรณมาด้วยกัน แต่ไม่ไปด้วยกัน เกมดำเนินมาสู่จุดแตกหัก ฝั่งรมต.ลูกท๊อป และประพัตร หนุน “อุดม” ล้มแชมป์เก่า คือ“บุญชู ” ที่มีจองชัย เที่ยงธรรม อีกหนึ่งบ้านใหญ่สุพรรณบุรี และอดีตสส.รวมถึงสมาชิกพรรคเพื่อไทย อาทิ  พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ และวรชัย เหมะ แกนนำคนเสื้อแดงให้การสนับสนุน

ผลปรากฎว่า ฝั่ง“บุญชู” เป็นอันต้องเสียแชมป์แบบเจ็บช้ำไปในท้ายที่สุด

“ลำพูน” ส้มหนึ่งเดียวไม่พึ่งบ้านใหญ่?

ถัดมากระแส “พรรคส้ม” ที่เคยสร้างปรากฎการณ์ล้มแชมป์ รวมถึงบ้านใหญ่ ให้เป็นอันต้องพ่ายแพ้แบบราบคาบมาแล้วในการเมืองสนามใหญ่ 

ทว่าในบริบทการเมืองท้องถิ่นอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น  อย่างที่รู้กันว่า ศึกชิงนายกอบจ.ที่ทยอยเปิดฉากเป็นระยะก่อนหน้า นับจนถึงเวลานี้ พรรคส้มยังไม่สามารถกำชัยได้แม้แต่จังหวัดเดียว ฉะนั้นเป้าหมาย“17 จังหวัด” ที่พรรคส้มวางไว้อย่างน้อยต้องมี3-5ที่นั่ง 

ทว่าถึงเวลาจริงกลับมีเพียง  "วีระเดช ภู่พิสิฐ" ที่สามารถปักธงส้มหนึ่งเดียวที่จ.ลำพูนแบบเหนือความคาดหมาย เนื่องจาก

จ.ลำพูนไม่ได้อยู่ในลิสต์3-5รายชื่อเป้าหมาย อันที่จริง "เฮง" วีระเดช ก็ไม่ใช้ผู้สมัครโนเนมที่ไหน แต่เขาเป็นทายาทบ้านใหญ่เมืองลำพูน โดยเป็นลูกชายของ  “โกเก๊า”ประเสริฐ ภู่พิสิฐ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน และอดีตประธานหอการค้าจังหวัดลำพูน

ฉะนั้นหากจะบอกว่า พรรคประชาชน ไม่ได้หวังพึ่งบ้านใหญ่ก็อาจไม่ใช่เสียทีเดียว 

แน่นอนว่า กระแสพรรคส้ม ที่ดูเหมือนกับจะต่างลิบลับสนามใหญ่มีการวิเคราะห์ไปถึงหลากหลายเหตุปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นบริบทการเมืองที่ต่างกัน ความเสียเปรียบเนื่องจากไม่มีการเลือกล่วงหน้าหรือนอกเขต บวกกับผู้ที่อาศัยนอกเขตเลือกตั้งที่ไม่กลับไปใช้สิทธิในพื้นที่ 

มองข้ามช็อตศึกนายก อบจ. ‘ทักษิณ’ สิ้นลาย ‘บ้านใหญ่’ เป็นต่อ?

ถึงคราว‘ทักษิณ’ สิ้นลาย?

อีกหนึ่งประเด็นที่มองข้ามไม่ได้คือ “มนต์ขลังทักษิณ” ที่ยังเป็นข้อถกเถียงว่ามีมากน้อยเพียงใด จริงอยู่ที่ในการเลือกตั้งรอบนี้พรรคเพื่อไทย จะได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่ง ที่10คน รวมกับการเลือกตั้งครั้งก่อนหน้า อีก10คน รวมเป็น20คน จากทั้งหมด76คน ขณะที่ พรรคภูมิใจไทย ลำดับถัดไปมี19คน

ย่อมเป็นการตอกย้ำถึงสนามการเมืองต่อๆไปที่เพื่อไทยยังมีภูมิใจไทยเป็นคู่แข่งสำคัญไม่แพ้พรรคส้ม เช็กจังหวัดที่ “ทักษิณ”ลงพื้นที่หาเสียงด้วยตนเองมีทั้งจังหวัดที่พรรคเพื่อไทยทั้งชนะ และแพ้ โดยจังหวัดที่ชนะ ประกอบด้วย เชียงใหม่  ลำปาง นครพนม  หนองคาย มหาสารคาม อุดรธานี และอุบลราชธานี 

ขณะที่จังหวัดที่พรรคเพื่อไทยแพ้ประกอบด้วย เชียงราย ลำพูน และศรีษะเกษ 

มองข้ามช็อตศึกนายก อบจ. ‘ทักษิณ’ สิ้นลาย ‘บ้านใหญ่’ เป็นต่อ?

โฟกัสไปที่จังหวัดสำคัญ โดยเฉพาะเชียงใหม่ บ้านเกิดนายใหญ่เพื่อไทย ที่แม้จะชนะ แต่จากผลการเลือกตั้งพบว่าคะแนนคู่แข่งไม่ได้ทิ้งห่างมากนัก ยังเป็นการสะท้อนว่า พรรคส้มยังเป็นคู่แข่งที่พรรคเพื่อไทยประมาทไม่ได้

หรือจ.ศรีษะเกษ ซึ่งกระแส “ทักษิณ” ไม่สามารถล้มแชมป์เก่าคือ “นายกส้มเกลี้ยง”  วิชิต ไตรสรณกุล บ้านใหญ่แห่งภูมิใจไทยได้ แถมยังมีภาพที่ “อนุทิน  ชาญวีรกูล”  หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ทีโชว์ซีนรับมอบปี๊บคืนจากบ้านใหญ่หลังรู้ผลเลือกตั้ง 

ย่อมเป็นการสะท้อนภาพชัดว่า แคมเปญไล่หนูตีงูอาจไม่ได้ทำให้ “โหวตเตอร์” อินเหมือนการเมืองสนามใหญ่อีกต่อไป  แถมฝั่ง “นายกฯส้มเกลี้ยง”  ยังได้ทีโชว์เขี้ยวเล็บขยี้ซ้ำหลังรู้ผล บอกว่า  “มีนักการเมืองใหญ่ เข้ามาสร้างความแตกแยก มีการเข้ามาแบ่งสี แบ่งฝ่าย”

แน่นอนย่อมเป็นการตอกย้ำว่าเพื่อไทย ยังมีภูมิใจไทยเป็นกระดูกชิ้นสำคัญในการเลือกตั้งครั้งต่อไปอย่างหลีกไม่พ้น โดยเฉพาะพื้นที่อีสานที่จะเห็นการขับเคี่ยวระหว่าง “แดง” และ “น้ำเงิน” อีกหลายฉากหลายตอนหลังจากนี้ 

จังหวะ“ทักษิณ” การเมืองเกมกีฬา?

ศึกชิงนายกอบจ.ที่รู้ดำรู้แดง กันไปเป็นที่เรียบร้อย แม้ก่อนหน้า “นายกอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะบอกว่า   เรื่องนี้เหมือนกีฬา แข่งเสร็จก็จบ 

ทว่าผลเลือกตั้งที่ออกมายังต้องจับตาว่า ว่าจะเป็นสารตั้งต้นก่อกำเนิด “คลื่นใต้น้ำ” ลูกใหม่ทางการเมืองภายในขั้วรัฐบาลหรือไม่ อย่าลืมว่า ก่อนหน้าจะมีการเลือกตั้งเพียง 2วัน  ก็เป็นฝ่ายของ “ทักษิณ” ที่พูดบนเวทีปราศรัยช่วย  ”อนุสรณ์ วงศ์วรรณ" ผู้สมัครนายก อบจ.ลำพูน พรรคเพื่อไทย  ออกอาการเบื่อหน่ายพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค 

“เลือกตั้งครั้งหน้าก็ขอให้เลือกเพื่อไทยให้หมด เพราะคราวที่แล้วได้น้อยไปหน่อย มีพรรคร่วมรัฐบาลเยอะ ทำงานได้ แต่ช้า คราวหน้าให้มีพรรคร่วมน้อยๆ เอาเพื่อไทยเยอะๆ รับรองว่าทำงานแล้วจะรวยเหมือนสมัยพรรคไทยรักไทย พรรคมันใหญ่ ทำงานได้เร็ว เพราะรัฐมนตรีทุกคนอยู่สังกัดพรรคเดียวกันหมด พูดรู้เรื่อง ไม่มีเลศนัย ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมมาก พูดตรงไปตรงมามันง่ายดี คราวหน้ามั่นใจเพื่อไทยจะมาที่หนึ่ง 200 กว่าเสียง” นายทักษิณ กล่าว

เช่นนี้ จึงต้องจับตา ถึงเวลาจริง อาจมีอีกหลายฉากหลายตอน ที่สะท้อนเกมการเมืองให้เห็นเป็นระยะ