ผ่ายุทธการ‘ทักษิณ‘พลีชีพ สงครามครั้งสุดท้าย‘ชินวัตร’ ในดีลเกมอำนาจ

ผ่ายุทธการ‘ทักษิณ‘พลีชีพ สงครามครั้งสุดท้าย‘ชินวัตร’ ในดีลเกมอำนาจ

ผ่ายุทธการ‘ทักษิณ‘พลีชีพ สงครามครั้งสุดท้าย‘ชินวัตร’ ในดีลเกมอำนาจ เล่นใหญ่ศึกเลือกตั้งท้องถิ่น โจทย์หินชัยชนะปี 70

KEY

POINTS

  • การกลับมาเป็นศูนย์รวมอำนาจทางการเมือง “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร เจอโจทย์ยาก และท้าทายมากกว่าเดิม
  • เนื่องจากเป็นเดิมพันใหญ่ของ “ครอบครัวชินวัตร” มี “ลูกสาว” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ รวมอยู่ในเกมด้วย
  • "ทักษิณ" จึงต้องพลีชีพ เอาตัวรับกระสุน วางเกม วางหมาก ทำทุกทางเพื่อให้ "พรรคเพื่อไทย" ได้ สส. เพิ่มในการเลือกตั้งปี 2570 หวังรักษาอำนาจให้อยู่กับครอบครัวชินวัตรให้ยาวนานที่สุด

การกลับมาเป็นศูนย์รวมอำนาจทางการเมือง “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร เจอโจทย์ยาก และท้าทายมากกว่าเดิม เพราะเป็นเดิมพันใหญ่ของ “ครอบครัวชินวัตร” มี “ลูกสาว” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ รวมอยู่ในเกมด้วย

จึงเป็นไฟต์บังคับให้ “ทักษิณ” ต้องแบกทุกอย่างไว้บนบ่าของตัวเอง แม้ทางนิตินัยเขาไม่มีอำนาจดำเนินการบริหารประเทศ แต่ในทางพฤตินัยถนนทุกสายวิ่งเข้าสู่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” เปิดดีล-ปิดดีลเกมแห่งอำนาจ

ในช่วงที่ผ่านมา “ทักษิณ” เปรียบเหมือนโล่รับกระสุนจากทั่วทุกสารทิศ แทน “แพทองธาร” ในฐานะพ่อนายกฯ ที่เรียกตัวเองว่า สทร. แม้จะมีเสียงอวย “นายกฯอิ๊งค์” เหมาะสมนั่งเก้าอี้เบอร์หนึ่งตึกไทยคู่ฟ้า แต่คำปรามาสเริ่มถาโถมเยอะมากขึ้น

ทำให้ “พ่อนายกฯ” ขันอาสาเป็นตำบลกระสุนตกออกรับแทน จนบางบริบท ทำให้การพูดถึงประสิทธิภาพการทำงานของนายกฯอิ๊งค์ ลดน้อยลง เพราะโฟกัสไปที่การขยับเกมของทักษิณ

โดยเฉพาะเวทีปราศรัยหาเสียงช่วย “ผู้สมัครค่ายแดง” ลงชิงเก้าอี้นายก อบจ. ในหลายจังหวัด ความสนใจเบนไปที่ทักษิณ ทั้งการขับเคลื่อนนโยบายรัฐ การเปิดศึกรบคู่แข่งคู่แค้นทางการเมือง

แม้ “อิทธิพร บุญประคอง” ประธาน กกต. จะออกมาเตือนว่า การใช้นโยบายรัฐมาหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ. ซึ่งเป็นการเมืองระดับท้องถิ่น อาจจะสุ่มเสี่ยงเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่ “นายใหญ่” เดินหน้าไม่ถอย เดินหน้าปราศรัยขายนโยบายรัฐทุกเวที

เนื่องจากจุดขายของทักษิณ คือความสำเร็จเก่า ๆ ที่โดนใจ “แฟนคลับ” จึงต้องใช้จุดแข็งมาเป็นจุดขาย หากผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯไม่ใช่ “แพทองธาร” ก็มีโอกาสที่จะขบเหลี่ยมกัน แต่เมื่อเป็น “นายกฯลูกสาว” การล้ำเส้นจึงถูกมองเป็นเรื่องปกติ

ขณะเดียวกัน “นายใหญ่” ยังเล่นใหญ่ใช้เวทีปราศรัย-เวทีเสวนาพรรค ขยับเกมด้วยการพาดพิง “พรรคร่วมรัฐบาล” ปล่อยวาทะ “อีแอบ” จนมีการจับจ้องไปที่พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ จนถูกจับจ้องว่าอาจกระทบสถานะพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่

พร้อมทั้งสร้างวาทกรรมโจมตีสีส้ม ไม่ไว้หน้าพรรคประชาชน คณะก้าวหน้า รวมถึงถล่มศัตรูคู่อาฆาต อาทิ สนธิ ลิ้มทองสกุล จตุพร พรหมพันธ์ุ ชวน หลีกภัย เป็นต้น

ปฏิบัติการออกหน้ารับกระสุนแทนนายกฯอิ๊งค์ของทักษิณ ยังได้ผลในการชิงพื้นที่ข่าว แต่การออกมาเปลืองตัวเอง ทั้งที่ควรมี “ลูกหาบ” คอยตอบโต้แทน อาจจะส่งผลในระยะยาว

ผ่ายุทธการ‘ทักษิณ‘พลีชีพ สงครามครั้งสุดท้าย‘ชินวัตร’ ในดีลเกมอำนาจ

ศึก อบจ.ด่านแรก กวาดบ้านใหญ่

สนามแรกที่จะวัดกระแส “ทักษิณ” คือการเลือกตั้งนายก อบจ. โดยพรรคเพื่อไทยมีมติส่งผู้สมัครนายกอบจ.ในนามพรรครวม 25 จังหวัด ทั้งที่เลือกตั้งไปแล้ว และที่กำลังจะเลือกตั้งในวันที่ 1 ก.พ. นี้

ภาคเหนือส่งทั้งหมด 7 จังหวัด ในนามพรรคเพื่อไทย ได้แก่ 1.ลำพูน, 2.ลำปาง 3. แพร่ 4.น่าน 5.เชียงราย 6.พะเยา 7.สุโขทัย 8.เชียงใหม่

ภาคอีสานส่งทั้งหมด 12 จังหวัดในนามพรรคเพื่อไทย ได้แก่ จังหวัด 1.นครพนม 2.มหาสารคาม 3.สกลนคร 4.ศรีสะเกษ 5.บึงกาฬ 6.หนองคาย 7.มุกดาหาร, 8.นครราชสีมา 

โดยมี 4 จังหวัด ที่จัดการเลือกตั้งแล้ว ได้แก่ 1.ยโสธร 2.อุดรธานี 3.ร้อยเอ็ด 4. กาฬสินธุ์ 5.อุบลราชธานี 6.ขอนแก่น คว้าชัยทุกสนาม

ภาคกลาง ส่งในนามพรรคเพื่อไทย 3 จังหวัดได้แก่ 1.กาญจนบุรี (ชนะการเลือกตั้ง) 2.ปทุมธานี ที่มีการเลือกตั้ง 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 พรรคไม่มีมติส่งผู้สมัครนายกอบจ. และ 3.ปราจีนบุรี

โดยก่อนหน้านี้ เพื่อไทยส่งผู้สมัครชิงนายก อบจ. มาแล้ว 9 จังหวัด กวาดชัยมา 8 จังหวัด อีก 1 จังหวัด คือปทุมธานี ซึ่งผลการเลือกตั้งรอบแรก “ชาญ พวงเพ็ชร์” คว้าชัย แต่ต้องเลือกตั้งใหม่ ซึ่ง “เพื่อไทย”ยังส่งผู้สมัครลงแข่ง

การเลือกตั้งนายก อบจ. วันที่ 1 ก.พ. “นายใหญ่-เพื่อไทย” มี 16 จังหวัดให้ลุ้น วางเป้าเข้าวินอย่างน้อย 13 จังหวัด หากสามารถทำได้ตามเป้า หรือคะแนนการเลือกตั้งทิ้งห่างคู่แข่ง “นายใหญ่-เพื่อไทย” สามารถใช้เป็นจุดเปลี่ยน ปั่นกระแสต่อยอดได้อีกครั้ง

ผ่ายุทธการ‘ทักษิณ‘พลีชีพ สงครามครั้งสุดท้าย‘ชินวัตร’ ในดีลเกมอำนาจ

สงครามเพื่อ "ชินวัตร"

อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่ากระแส “ทักษิณ” ไม่แรงเหมือนเก่า จึงจำเป็นต้องวางหมากยึดสนาม อบจ. เพื่อเป็นฐานกำลังเลือกตั้ง สส. โดยรวบรวม “บ้านใหญ่-บ้านเล็ก” ที่มีฐานกำลังมาให้ได้มากที่สุด

เพราะหากการเลือกตั้งปี 2570 “ทักษิณ-เพื่อไทย” คว้าเก้าอี้ สส. เขต ได้น้อยลง จะทำให้แรงต่อรองทางการเมืองลดลงเช่นกัน และคงยากที่จะหวังเก้าอี้ สส. บัญชีรายชื่อ เนื่องจากกระแสไม่พีคเหมือนเคย

ต้องไม่ลืมว่า “ครอบครัวชินวัตร” ยังมีตัวประกันชื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ที่ “ทักษิณ” ต้องช่วย “น้องปู” กลับไทยมาให้ได้ ซึ่งการดีลกับ “หัวขบวนอนุรักษ์” จะขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งปี 2570

ที่สำคัญ “ชินวัตร” ยังต้องการครองอำนาจเอาไว้ให้ได้นานที่สุด เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของ “ครอบครัว” ไม่เช่นนั้นอาจจะโดน “หัวขบวนอนุรักษ์” ตลบหลังได้

“อนุรักษ์”ฝากความหวัง ชนะ“ส้ม”

ฝั่ง “หัวขบวนอนุรักษ์” แม้จะเคยชักธงรบกับ “ทักษิณ” แต่เมื่อ “กระแสสีส้ม” มีเป้าหมายที่น่ากลัวกว่า จึงต้องจับมือกับทักษิณ และฝากความหวังไว้กับ “พรรคเพื่อไทย” ให้ขับเคี่ยวกับ “พรรคประชาชน”

เนื่องจากพรรคค่ายอนุรักษ์ไม่มีศักยภาพมากพอที่จะโกยเก้าอี้ สส. เป็นกอบเป็นกำจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ จึงไม่แปลกที่ทักษิณจะมั่นใจว่า “สัญญาณพิเศษ” ไม่มีตัวเลือกให้เล่น

ก้าวย่างของนายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า จึงเปี่ยมไปด้วยความอหังการ์ แสดงเสถียรภาพ ความแข็งแกร่งของตัวเอง ยิ่งทำให้คนเชื่อมั่นว่ามีตั๋ว “ซูเปอร์ดีล” ของจริงอยู่ในมือ

ผ่ายุทธการ “ทักษิณ” พลีชีพ ถือเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของ “ชินวัตร” หากแพ้การเลือกตั้ง อำนาจย่อมสั่นคลอน จึงต้องทำทุกวิถีทางในการรักษาอำนาจให้อยู่ที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” นานที่สุด และนานพอที่จะมั่นใจว่า “ครอบครัวชินวัตร” จะอยู่รอดปลอดภัย