‘ดับไฟใต้’ ช่องทางพิเศษ สแกน‘หัวโจก-กองกำลัง’

วัดฝีมือ "รัฐบาล" หลังเปลี่ยนยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ จะสามารถกดดันให้ ประธานกลุ่มบีอาร์เอ็น เข้าสู่กระบวนการพูดคุยฝ่ายไทย ทั้งทางลับและทางเปิดได้หรือไม่
KEY
POINTS
- หน่วยงานความมั่นคง มีรายชื่อ ขบวนการบีอาร์เอ็นเคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
- ปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความผิดปกติในความผิดปกติใหม่เกิดขึ้น มีกระบวนการสุดโต่ง มีการจัดตั้งที่ซับซ้อน
จับตายุทธศาสตร์ ดับไฟใต้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เตรียมเสนอ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม ก่อนสิ้นเดือนมกราคมนี้
เพราะการแก้ปัญหาปัจจุบันแม้อยู่ระยะที่ 2 แต่แนวโน้มไม่เป็นไปตามแผนแม่บทที่วางไว้ ซึ่งต้องปรับลดกำลังทหารพรานจากกองทัพภาคที่ 1-3 กลับที่ตั้งปกติ พร้อม ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งหมดในพื้นที่ในปี 2570
วัดได้จากการก่อเหตุยังปรากฎในพื้นที่แม้น้อยครั้ง แต่สร้างความเสียหายทรัพย์สินและชีวิตเพิ่มขึ้น สถานที่ราชการ ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครตกเป็นเป้าโจมตี
ส่วนมาตรการปฏิบัติ ยังมุ่งเน้นเชิงรับ คือเฝ้าระวังป้องกัน มากกว่าเชิงรุก การปิดล้อมตรวจค้นจะกระทำต่อเมื่อมีการข่าวฝั่งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ชัดเจนและตรงกัน
การพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้ดำเนินการอยู่กับกลุ่มที่เชื่อมโยงกับกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงในพื้นที่ แต่ยังมีอีกหลายกลุ่มย่อยที่ควบคุมไม่ได้ การก่อเหตุยังคงเกิดเป็นระยะ
แหล่งข่าวความมั่นคง วิเคราะห์ว่า หากติดตาม ปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาต่อเนื่อง จะรู้ว่าสถานการณ์น่าห่วง มีความผิดปกติในความผิดปกติใหม่ของภาคใต้เกิดขึ้น มีกระบวนการที่สุดโต่ง มีการจัดตั้งที่ซับซ้อน จนดูไม่ออก
หากมองภาพโดยทั่วไป การแก้ปัญหาเป็นไปตามโครงสร้างและกองทัพ ยังเป็นหน่วยงานหลักเข้าไปมีบทบาท ซึ่งในความเป็นจริง ต้องมีฝ่ายการเมืองที่มีความเชี่ยวชาญ เข้ามากำหนดทิศทางแก้ปัญหาที่ชัดเจนกว่านี้
“ถือเป็นปัญหา ของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่ไม่ได้ใช้กลไกปกติ แต่ใช้กลไกพิเศษ ตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่นำผู้บัญชาการสูงสุดเข้ามาแก้ปัญหา และรัฐบาลนี้มอบหมายนายภูมิธรรม มาดูแล และพยายามเข้าทางข้างเสียมากกว่า ซึ่งจะมีปัญหาตามมาหลายเรื่อง แต่สถานการณ์ยังไม่ปะทุบานปลายในช่วงนี้ แต่ภาพรวมค่อนข้างน่าเป็นห่วง” แหล่งข่าวความมั่นคง กล่าวและว่า
ส่วนการใช้ยุทธศาสตร์ใหม่แก้ไขปัญหาที่รัฐบาลกำลังปรับเปลี่ยนอยู่นั้น เชื่อว่ายังไม่ได้เปรียบ ที่ผ่านมาเราเป็นฝ่ายตั้งรับมาโดยตลอดกับ กลุ่มแบ่งแยกดินแดน ประเทศมาเลเซีย และโลกมุสลิม การเดินเกมต่างประเทศ ไม่ว่าจะทั้งทูตนอกแถวหรือในแถว ไม่มี รมว.ต่างประเทศ คนใดประสบความสำเร็จ
แหล่งข่าวความมั่นคง ระบุต่อว่า ทางยุทธศาสตร์ รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ควรทำงานเชิงรุกได้ดีกว่านี้ แต่สภาพปัจจุบัน เรามีความอ่อนแอสะสม ทำให้ต้องเปิดการพูดคุย แต่ไม่มีความชัดเจน ด้านเทคนิค ด้านยุทธศาสตร์ นำข้าราชการ เช่น สมช. ไปกำกับดูแล แต่ทำอะไรไม่ได้ และมีความคิดแตกต่างกับทหารมาก มีความขัดแย้งกันเอง กว่าจะกำหนดให้ กลุ่มBRN เป็นภัย บางครั้งคดีไปถึงศาลฎีกาว่าเป็น ก่อการร้าย แต่ไม่กล้าไปต่อ
ส่วนเรื่องทางยุทธวิธี ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่เป็นเป้าหมายมากขึ้น ประชาชนปลอดภัย ถือเป็นยุทธศาสตร์ ที่ผู้ก่อเหตุกดดันคนไทยพุทธให้ย้ายออกนอกพื้นที่ รวมถึง วัด พระสงฆ์บิณฑบาตไม่ได้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม มีการเข้ายึด พื้นที่ อบต. อบจ.
ขณะที่แนวร่วมเพิ่มมากขึ้น และมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ แม้จะเป็นเรื่องในเชิงวัฒนธรรม แต่ดูน่ากลัว กลายเป็นกลุ่มที่คุกคาม ต้องการแบ่งแยกดินแดน เป็นเรื่องของมาลายู เป็นพวกสุดโต่ง สถานการณ์ดูค่อนข้างแย่ลง
แหล่งข่าวความมั่นคง ย้ำว่า หัวหน้าใหญ่สูงสุดกลุ่มบีอาร์เอ็น นายดูนเลาะ แวมะนอ อยู่ฝั่งเพื่อนบ้าน และได้รับคุ้มครองเป็นพิเศษ และไม่ได้รับการกดดันให้มาร่วมโต๊ะพูดคุยกับฝ่ายไทย
“เขาอ้างว่าตัวแทนที่มาพูดคุยแม้ปลดประจำการแล้ว แต่ยังเชื่อมโยงกับบีอาร์เอ็น แต่ไม่รับผิดชอบการดำเนินด้านยุทธศาสตร์ของบีอาร์เอ็นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไทยจะคัดกรอง ตั้งด่าน 24 ชั่วโมงก็ทำไม่ได้ เพราะไม่ได้รับความร่วมมือ ไม่ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ไม่แก้ปัญหาคนสองสัญชาติ ทั้งที่ไทยส่งรายชื่อไปแล้ว ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำไทยอ่อนแอลงมาก”แหล่งข่าวความมั่นคง กล่าวและว่า
สำหรับกรณีที่มองว่า การพบปะระหว่าง นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวในตำแหน่งประธานอาเซียน จะส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้นั้น คงไม่สามารถยืนยันได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่า นายอันวาร์ กับ นายทักษิณ หารือในเรื่องใด
“การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ดูลอยๆ ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับคนที่สั่งการนอกช่องทางปกติเป็นส่วนใหญ่ เราไม่รู้ว่าเขาทำอะไร ใครจะไปยืนยันได้ว่า ที่เขาไปคุยกัน ระหว่างนายอันวาร์กับนายทักษิณ และตั้งให้เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว เรื่องบิตคอยน์ กาสิโน พลังงาน หรือเรื่องภาคใต้ พูดไปก็เหมือนไปกล่าวหาเขา” แหล่งข่าวความมั่นคง ระบุ
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของหน่วยงานความมั่นคง มีรายชื่อ ขบวนการบีอาร์เอ็นเคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี
ดูนเลาะ แวมะนอ เป็น ประธานกลุ่มบีอาร์เอ็น มีผู้นำสูงสุด จำนวน 30-40 คน แกนนำกว่า 100 คน และกองกำลังหรือแนวร่วมประมาณ 3,000 คน
สำหรับ ดูนเลาะ แวมะนอ เป็นอดีตครูใหญ่โรงเรียนญีฮาดวิทยา หรือ “ปอเนาะญีฮาด” อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ผู้ต้องหาหนีหมายจับคดี กบฏ อั้งยี่ ด้วยข้อกล่าวหาให้ใช้โรงเรียนเป็นสถานที่ฝึกกองกำลังติดอาวุธของบีอาร์เอ็น ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุปล้นปืน 413 กระบอก เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2547
คงรอดูฝีมือรัฐบาลชุดปัจจุบัน หลังเปลี่ยนยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ จะสามารถกดดันให้ “ดูนเลาะ แวมะนอ”เข้าสู่กระบวนการพูดคุย ทั้งทางลับและทางเปิดได้หรือไม่