'โรม' แฉอีก! คู่สัญญา กฟภ.ขายไฟฟ้าให้เมียนมา ส่อพันขบวนการค้ายาเสพติด

'โรม' แฉอีก! พบข้อมูลใหม่เกี่ยวกับบริษัท SMTY คู่สัญญากับ กฟภ. ขายไฟฟ้าให้เมียนมา ไม่ใช่แค่เอี่ยว 'แก๊งคอลเซ็นเตอร์' แต่อาจพันขบวนการค้ายาเสพติดด้วย เปิดหลักฐาน 'คนไทย' เคยถูกจับตัวกลางฟอกเงิน เปิดธุรกิจค้าน้ำมันบังหน้า อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2568 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ภาพและข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) @RangsimanRome ถึงการพบข้อมูลใหม่ของบริษัท SMTY คู่สัญญาการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่อาจมีส่วนเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขบวนการค้ายาเสพติด ว่า บริษัท SMTY นี้ ที่เคยเปิดเผยไปแล้วว่าเป็นบริษัทของ พันตรี ติ่งวิน ซึ่งเป็นนายทหารที่มีบทบาทสำคัญในกองกำลัง BGF ในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา โดยแกนนำคนสำคัญชื่อ พันโท หม่องชิตตู คงนับได้ว่าพันตรีติ่งวิน เป็นลูกน้องของหม่องชิตตู่
สำหรับ กองกำลัง BGF เป็นผู้ให้สัมปทานเช่ากับบรรดาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ต่างๆจำนวนมากในเมียวดี ส่วนบริษัท SMYT คือบริษัทที่เป็นคู่สัญญาในการซื้อไฟเพื่อไปแจกจ่ายให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ล่าสุดเพิ่งได้รับข้อมูลมาว่า คนไทยคนนึงชื่อ นาย วรวัฒน์ วังศพ่าห์ ซึ่งปัจจุบันถูกจับกุม เมื่อปี 2565 ในคดียาเสพติด และฟอกเงิน โดยนายวรวัฒน์จะทำหน้าที่แปลงสภาพทรัพย์สินเงินทองที่ได้จากการค้ายาเสพติด ไปเปิดธุรกิจค้าน้ำมันบังหน้า โดยที่ในปัจจุบันศาลได้ตัดสินประหารชีวิตไปแล้วนั้น
ปรากฏว่านายวรวัฒน์คนนี้ได้มีความเชื่อมโยงกับพันตรีติ่งวิน กล่าวคือได้รับการแต่งตั้งจากบริษัท SMTY (Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing Company Limited) ให้เป็นตัวแทนในการจัดหาน้ำมันไปขายในเมียนมา นั่นหมายความว่ามีความเป็นไปได้อย่างสูงที่บริษัทนี้ของนายติ่งวินจะเกี่ยวข้องกับการสมคบเครือข่ายยาเสพติดที่มีการจับกุมไปแล้วก่อนหน้านี้ด้วย
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคของประเทศเราจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัทแบบนี้ทั้งๆ ที่บริษัทนี้พัวพันทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทุนสีเทาและยาเสพติด ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคนข้างในการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เข้าไปเกี่ยวข้องโดยได้รับผลประโยชน์ทางใดทางหนึ่งจากแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์และยาเสพติดด้วยหรือไม่
"ผมทราบมาว่ากำลังมีการดำเนินคดีกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งคือที่แม่สาย) ในชั้นของอัยการสูงสุด คงต้องติดตามกันต่อไปว่าอัยการสูงสุดจะทำหน้าที่ของตนเองโดยมีผลออกมาเป็นเช่นไร" นายรังสิมันต์ ระบุ
นายรังสิมันต์ ระบุด้วยว่า ส่วนท่านรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกุล ถ้าท่านจะแบกการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคโดยไม่พิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่องค์กรในการดูแลของท่านกำลังเข้าไปเกี่ยวข้องกับทุนสีเทาและอาชญากรข้ามชาติ โปรดระวังให้ดี ว่าสังคมจะคิดว่าท่านไม่ใช่รัฐมนตรีมหาดไทย แต่เป็นรัฐมนตรีมหาดคอลเซ็นเตอร์และยาบ้า ที่ไม่สนใจถึงผลประโยชน์ของคนไทย ไม่สนใจถึงความสูญเสียที่คนไทยได้รับในแต่ละวัน ไม่สนใจว่าจะมีคนไทยกี่คนที่ต้องฆ่าตัวตาย การสั่งตัดไฟเป็นการแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดแต่ท่านไม่ยอมทำ ไม่เคยนึกจริงๆว่าท่านจะเป็นคนแบบนี้ น่าผิดหวังมากๆ
"ผมอยากจะเรียกร้องไปถึงสื่อมวลชน ว่านี่คือวาระแห่งชาติที่เราจะต้องจัดการกับขบวนการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์และยาเสพติดให้สิ้นซาก เราไม่อาจจะหวังพึ่งรอคอยการทำงานจากรัฐบาลได้อีกแล้ว เราไม่รู้ว่ามีข้าราชการกี่คนที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอรัปชั่น เราไม่รู้ว่ามีรัฐมนตรีกี่นายที่ได้รับส่วยคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติด ผมอยากให้สื่อมวลชนช่วยกันทำหน้าที่ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด วันนี้ดูท่าทางแล้วประชาชนคงต้องดูแลตัวเองกันเสียแล้ว" นายรังสิมันต์ ระบุ