'พิธา-พริษฐ์' ปลุก 1 ก.พ. ปชช.ไปเลือกตั้งนายก อบจ.สร้างความเปลี่ยนแปลง

แกนนำพรรคส้มตะลุยหาเสียง ศึกชิงนายก อบจ.จันทบุรี 'พิธา-พริษฐ์' ปลุก 1 ก.พ. ประชาชนออกไปใช้สิทธิสร้างความเปลี่ยนแปลง ลั่นทุกคะแนนที่มอบให้ คือการเหยียบคันเร่งความเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทย ชี้การแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ของรัฐบาลคือตัวอย่างการเปลี่นแปลงที่ น้อยไป ช้าไป
เมื่อคืนวันที่ 24 ม.ค. 2568 ที่สนามทุ่งนาเชย ต.วัดใหม่ อ.เมือง จ.จันทบุรี นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ได้กล่าวช่วงหนึ่งบนเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยนายมานะ ชนะสิทธิ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.จันทบุรี พรรคประชาชน หมายเลข 1 ว่าในการเลือกตั้งที่ผ่านมาปี 2562 แม้พรรคส้มจะเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในการเลือกตั้งปี 2566 ก็ยังเป็นแกนนำฝ่ายค้าน และยังไม่เคยได้มีอำนาจบริหาร แต่ตนสามารถยืนยันได้ว่าทุกคะแนนเสียงที่ให้กับพรรคส้มก็คือการเหยียบคันเร่งให้กับการเปลี่ยนแปลง
นายพริษฐ์ กล่าวว่า เช่นเรื่องสมรสเท่าเทียม แม้การผ่าน พ.ร.บ. จะเป็นความร่วมมือของทุกพรรคการเมืองและของภาคประชาชนที่ต่อสู้เรื่องนี้มายาวนานตั้งแต่ก่อนมีพรรคส้ม แต่ตนเชื่อว่าการมีอยู่ของ สส. ที่ร่วมกันเสนอร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมเข้าสู่สภาตั้งแต่ชุดที่แล้ว ก็มีส่วนในการช่วยเร่งรัดการเปลี่ยนแปลง จนนำมาสู่การที่คู่รักทุกคู่ทุกเพศมีสิทธิจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมกันตั้งแต่เมื่อวานนี้
นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า การปลดล็อกสุราชุมชนก็เช่นกัน แม้ร่าง พ.ร.บ.สุราชุมชนที่สภาเห็นชอบเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจะแตกต่างไปบ้างจาก พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าของพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน แต่ตนเชื่อว่าการมีอยู่ของพรรคส้มและ สส. พรรคส้มที่เข้าไปผลักดันร่างมาตั้งแต่สภาชุดที่แล้ว ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ในสภาชุดนี้มีฉันทามติร่วมกันในการปลดล็อกการผลิตสุราโดยรายย่อย
ล่าสุดร่าง พ.ร.บ. ไม่ตีเด็กก็เช่นกัน แม้ร่างดังกล่าวย่อมไม่สามารถผ่านความเห็นชอบของทั้งสภาและวุฒิสภามาได้หากไม่มี สส. รัฐบาลเห็นชอบด้วย แต่ถ้าไม่มี สส. พรรคส้มเข้าไปผลักดันจัดทำร่างดังกล่าว ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าในวันนี้เราจะกำลังมีกฎหมายเข้ามาคุ้มครองความปลอดภัยของลูกหลานเราจากการถูกลงโทษด้วยความรุนแรงเกินขอบเขตหรือไม่
นายพริษฐ์ กล่าวด้วยว่า ปัญหาอย่างฝุ่น pm 2.5 ที่อยู่ในระดับอันตรายทุกวันนี้ เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าการเปลี่ยนแปลงที่น้อยไปและช้าไปเป็นอันตรายต่อประชาชนแค่ไหน เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ของบประมาณไปสู้กับไฟป่า 1.3 พันล้านบาท แต่รัฐบาลอนุมัติเพียง 120 ล้านบาท การเพิ่มเงื่อนไขเรื่องสิ่งแวดล้อมในการออกประกาศนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แบบปลอดภาษี รัฐบาลทำได้โดยไม่ต้องรอ พ.ร.บ.อากาศสะอาด แต่รัฐบาลก็ยังไม่ทำ
การอนุมัติควักงบกลางมาแก้ปัญหาป้องกันฝุ่นทั่วประเทศที่ควรทำตั้งแต่ก่อนสิ้นปี แต่มาจนจะจบเดือนมกราคมแล้วเรื่องก็ยังค้างไม่ผ่านคณะรัฐมนตรีออกมาเลย เกณฑ์เกี่ยวกับการแจ้งเตือนประชาชนยังไม่มี ระบบแจ้งเตือนประชาชนผ่านข้อความโทรศัพท์มือถือที่บอกจะเสร็จต้นปี 2568 ตอนนี้เลื่อนไปกลางปี 2568 แล้วแบบนี้จะไม่ให้ตนวิจารณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงน้อยไปและช้าไปได้อย่างไร
โฆษก ปชน. กล่าวว่า นี่เป็นที่ประจักษ์ว่าทำไมประเทศไทยต้องมีการเหยียบคันเร่งแห่งการเปลี่ยนแปลง และการเลือกตั้ง อบจ. ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 จะเป็นโอกาสของประชาชนที่จะได้มาร่วมกันเหยียบคันเร่งแห่งการเปลี่ยนแปลงให้จังหวัดของท่าน แม้จะยังเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แต่ท่านเปลี่ยนนายก อบจ. ได้
หากการบริหารด้วยแนวทางแบบเดิมนำไปสู่ปัญหาแบบเดิมๆ ทุกนาทีที่ปัญหาเดิมๆไม่ได้ถูกแก้ไขคือทุกนาทีที่ประชาชนจะสูญเสียโอกาสในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทุกนาทีที่ อบจ. ยังไม่ทำงานเชิงรุกในการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปทั่วจังหวัดได้สะดวกขึ้น ก็คือทุกนาทีที่เงินที่อยู่ในกระเป๋าของนักท่องเที่ยวจะข้ามจังหวัดไป แทนที่จะถูกนำมาใช้ซื้อสินค้าและบริการของประชาชนในจังหวัดเรา ทุกนาทีที่ อบจ. ไม่ทำงานเชิงรุกในการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อจับคู่ผู้ขายและผู้ซื้อสินค้าการเกษตร คือทุกนาทีที่เกษตรกรจันทบุรีต้องจ่ายส่วนต่างให้พ่อค้าคนกลางที่เข้ามาผูกขาดการกำหนดราคา ทุกนาทีที่ อบจ. ไม่ทำงานเชิงรุกในการช่วย อบต. เทศบาล และท้องถิ่นทุกประเภทให้มีรถฉุกเฉินให้เพียงพอพร้อมอุปกรณ์ คือทุกนาทีที่ไปเพิ่มความเสี่ยงให้ประชาชนในช่วงชี้เป็นชี้ตาย
“เพราะฉะนั้น โอกาสในการเปลี่ยนแปลงจังหวัดของท่านกำลังจะมาถึงแล้ว วันนี้ปากกาอาจมีมูลค่า 10-20 บาท แต่ในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ ปากกาในมือของชาวจันทบุรีจะมีมูลค่าเกือบ 3 พันล้านบาท เพราะปากกาในมือท่านจะเป็นสิ่งที่กำหนดว่านายก อบจ. คนถัดไปของจันทบุรี และ ส.อบจ. ชุดถัดไปของจันทบุรีจะผลักดันนโยบายและออกแบบแนวทางการใช้งบประมาณกว่า 700 ล้านบาทต่อปีใน 4 ปีข้างหน้าอย่างไร” นายพริษฐ์ กล่าว
- 'พิธา' ปลุกประชาชนออกไปใช้สิทธิสร้างความเปลี่ยนแปลง
วันเดียวกัน ที่สนามทุ่งนาเชย ต.วัดใหม่ อ.เมือง จ.จันทบุรี พรรคประชาชนเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยนายมานะ ชนะสิทธิ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.จันทบุรี หมายเลข 1 และผู้สมัคร ส.อบจ. ทั้ง 23 คนของพรรคประชาชน โดยมีทั้งแกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมการปราศรัยและพบปะประชาชนที่มาร่วมกันฟังการปราศรัยอย่างคับคั่ง นำโดย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรค นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรค นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ผู้ช่วยหาเสียง
นายมานะ กล่าวปราศรัยช่วงหนึ่งว่า งบประมาณ อบจ.จันทบุรีปีละ 741 ล้านบาท ตลอด 4 ปี 3,000 ล้านบาท จันทบุรีมีพื้นที่ประมาณ 4 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ทำการเกษตรประมาณ 1.8 ล้านไร่ รายได้ต่อหัว 270,000 บาทต่อปี อยู่อันดับต้นๆ ของประเทศ โดยตามข้อมูลปี 2565 รายได้ 57% ของจังหวัดมาจากภาคเกษตร แต่ในปีงบประมาณ 2568 อบจ. กลับจัดสรรงบให้ภาคการเกษตรแค่ 2.8 ล้านบาท คิดเป็น 0.38% ของงบทั้งหมด หนักไปกว่านั้นปี 2567 จัดสรร 980,000 บาท ปี 2566 0 บาท ปี 2565 0 บาท ในขณะที่งบลงทุนของ อบจ. ปี 2568 ทั้งหมด 14 ล้านบาท เอาไปจัดซื้อไฟส่องสว่างติดที่สำนักงานของ อบจ. จำนวน 226 ดวงเป็นงบ 9 ล้านบาท แบบนี้มันสมเหตุสมผลหรือไม่
นายมานะ กล่าวว่า ตนเป็นลูกชาวสวน ทำสวนตั้งแต่เด็ก จากนั้นจึงมาทำธุรกิจ วันนี้ต้องการนำเสนอนโยบาย “3 ดี” ประกอบด้วย 3 ด้าน เศรษฐกิจดี สังคมดี การเมืองดี ให้พี่น้องตัดสินใจเลือกตนเป็นนายก อบจ.จันทบุรี เช่น นโยบายหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งแหล่งน้ำ กระจายน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติสู่สระน้ำในชุมชน ถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะจันทบุรีทำการเกษตร ต้องใช้น้ำเยอะมาก แต่ทั้งที่จันทบุรีมีปริมาณน้ำฝนเยอะเป็นอันดับต้นๆ ในประเทศ แต่ยังต้องประสบภัยแล้งอย่างต่อเนื่องยาวนานทุกปี ทุกวันนี้ลุ่มน้ำคลองวังโตนดของเราส่งไปหล่อเลี้ยงภาคตะวันออกทั้งภาค โครงการอีอีซีต้องใช้น้ำจากเรา หากคนจันทบุรียังไม่มีน้ำพอใช้ ตนในฐานะนายก อบจ. ต้องแสดงความเป็นผู้นำเข้าไปจัดการต่อรอง ให้คนจันทบุรีต้องมีน้ำใช้อย่างทั่วถึงเท่าเทียมกัน
อีกเรื่องคือช้างป่า คนจันทบุรีถูกช้างเหยียบมาเป็นสิบปี ที่ผ่านมาตนได้รับโอกาสให้เป็นคณะกรรมาธิการ 2 ชุด ผลักดันจากวันนั้นจนวันนี้ มีการสร้างคันกั้นช้างรอบป่ารอยต่อตะวันออกแล้ว ถ้าทำสำเร็จครบ 630 กิโลเมตร ตนเชื่อว่าปัญหาช้างป่าจะหมดไป
นายมานะ กล่าวอีกว่า ถ้าเปลี่ยนแปลงจันทบุรีได้ พี่น้องอยากเห็นจันทบุรีเป็นอย่างไร ตนอยากเห็นจันทบุรีที่ขับเคลื่อนด้วยเสียงของประชาชน การบริหารงบประมาณ อบจ. ต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ คอร์รัปชันเป็น 0 ถ้าตนได้รับโอกาสให้เป็นนายก อบจ. งบประมาณของพี่น้องจะถูกนำไปใช้กับนโยบายที่กล่าวมา ดังนั้นเหลืออีกเพียง 7 วันเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงมาถึงแล้ว 1 กุมภาพันธ์นี้ ออกมาใช้สิทธิ์เยอะๆ เข้าคูหากาเบอร์ 1 เลือกผู้สมัครนายก อบจ. และผู้สมัคร ส.อบจ. ของพรรคประชาชนทั้งจังหวัด
จากนั้นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน กล่าวว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นมีความสำคัญเพราะทั้งหมดคือเรื่องของ “ครู คลัง ช่าง หมอ” อบจ. นอกจากมีหน้าที่ในการเปิดตลาดค้าขาย หารายได้เข้าจังหวัดแล้ว ยังมีหน้าที่ทำให้ทุเรียนของจันทบุรีไร้รอยต่อและไม่ขาดตอน ซึ่งมานะเองก็มีนโยบาย 1 หมู่บ้าน 1 แหล่งน้ำ เพื่อแก้ปัญหาให้กับจันทบุรีที่แม้จะเป็นจังหวัดการเกษตรแต่ก็ยังขาดแคลนน้ำ ให้ประชาชนสามารถทำมาค้าขายปลูกผักผลไม้ได้ดี
นายพิธา กล่าวว่า จันทบุรีมีผลผลิตภาคการเกษตรเป็นอันดับ 1 ของประเทศ จากจีดีพีภาคการเกษตรที่คิดเป็น 10% ของจีดีพีทั้งหมด มีส่วนของจันทบุรีไปแล้วถึง 55% การเลือกตั้งครั้งนี้หากสามารถชนะทั้งที่จันทบุรี รวมกับที่ตราด ซึ่งมี สส.พรรคประชาชน อยู่ในคณะกรรมาธิการการเกษตร ทั้งหมดจะสามารถทำงานกันได้อย่างไร้รอยต่อ
นายพิธา กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เหมือนการเลือกตั้ง สส. เมื่อปี 2562 และ 2566 การเลือกตั้งท้องถิ่นกับระดับชาติไม่เหมือนกัน เลือกตั้งล่วงหน้าไม่ได้ ข้ามเขตไม่ได้ ข้ามประเทศไม่ได้ ต้องวางแผนล่วงหน้าเดินทางกลับมาตั้งแต่คืนวันพฤหัส-ศุกร์ หรือถ้าอยู่ในจันทบุรีอยู่แล้วก็ยังเป็นวันเสาร์ หลายคนยังต้องทำงาน ต้องมีการวางแผนจะเปิดร้านกี่โมง ไปเลือกตั้งกี่โมง ใครเป็นนายจ้างขอให้ช่วยกันวางแผนล่วงหน้าให้ลูกจ้างไปเลือกได้ ลูกจ้างไปเลือกตั้งไม่นับเป็นวันลาวันหยุด
"การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคประชาชนไม่กลัวคู่แข่งแต่กลัวแรงเฉื่อยทางการเมือง กลัวประชาชนรู้สึกสิ้นหวัง รู้สึกเบื่อหน่ายซ้ำซาก แต่ถ้าท่านยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายกับการเมือง การเลือกตั้งครั้งนี้จะยิ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่สุด หากประชาชนมาใช้สิทธิน้อย การควบคุมผลการเลือกตั้งยิ่งทำได้ง่าย จะชนะหรือแพ้จึงขึ้นอยู่ที่ประชาชนชาวจันทบุรี ขอให้เชื่อในตัวประชาชนเองว่าสามารถเปลี่ยนแปลงจันทบุรีได้" นายพิธา กล่าว