'พิธา' อัดมาตรการรัฐบาลแก้ฝุ่นช้าไป น้อยไป สายไป ป้อง 'เท้ง' สวน 'ทักษิณ'

'พิธา' ห่วงจำนวนคนมาใช้สิทธินายก อบจ.ตราด น้อย แต่มั่นใจ ปชช.ในพื้นที่พร้อมเปลี่ยนแปลง ซัดรัฐบาลแก้ปัญหา 'ฝุ่นพิษ' ช้าไป น้อยไป สายไป กางปีกป้อง 'ณัฐพงษ์' สวนกลับ 'ทักษิณ' ตอนนี้คนจมฝุ่นแล้ว ทั้งที่ควรทุเลาได้เยอะกว่านี้
เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2568 ที่ จ.ตราด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ระหว่างช่วยหาเสียงนายก อบจ.ตราด ถึงการต่อสู้สนามเลือกตั้ง อบจ. ว่า พรรค ปชน.นำโดยหัวหน้าพรรค และเลขาพรรคทำงานเต็มที่ในเรื่องของการแข่งขัน ตนไม่กังวลสักเท่าไหร่ แต่กังวลว่า สิ่งที่พวกตนกำลังแข่งอยู่ สุดท้ายกลายเป็นว่าคนไม่มาใช้สิทธิ์ใช้เสียง ตอนนี้กำลัง รณรงค์โดยใช้ปากกา ให้ประชาชนรู้ว่าปากกาในมือมีมูลค่าเท่าไหร่ แต่ละ อบจ. ไม่เหมือนกัน บางจังหวัดมูลค่ารวมหมื่นล้าน จึงอยากทำให้ประชาชนเห็นว่ามูลค่ามากขนาดนี้ อยู่ที่ปากกาที่ใช้ในวันออกสิทธิ์ออกเสียง ดังนั้น เรื่องคู่แข่งก็ว่ากันเรื่องนโยบายก็ดี เรื่องขึ้นดีเบตก็ดี ก็ไม่ได้กังวลแต่การมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงจะไม่เป็นไปตามเป้า ตนก็ยังอยากจะ เห็นว่าเลือกตั้งท้องถิ่นมีคนสนใจ และมาใช้สิทธิ์เยอะ อย่างน้อยอยากได้ 70% มั่นใจว่า คนตราดพร้อมที่จะเปลี่ยน คนตราดอยู่กับภาวะผู้นำของนายก อบจ. คนเดิมมา 25 ปี
นายพิธา ยังให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของรัฐบาลว่า ช้าไป น้อยไป สายไป คิดว่า คนที่เป็นผู้นำประเทศตอนนี้ ถ้าแก้ปัญหาประเทศง่ายๆเลย คือ ฝุ่น ไฟ ฝน พอฝุ่นหมด ไฟก็มา พอไฟหมด ก็น้ำท่วมอีก โดยการแก้ปัญหาฝุ่น ต้องมีแผนงานมาตั้งแต่ฤดูฝนแล้ว หากดูข้อมูลย้อนหลัง 5 ระหว่างวันที่ 1 - 22 มกราคม ไม่มีปีไหนเลยที่ค่าฝุ่นได้ค่ามาตรฐานเลย เกินมาตรฐานทุกปี และปีที่สูงที่สุดคือ 2564 รองลงมาคือ 2568 ถัดมาคือ 2567
เมื่อถามว่า การแก้ปัญหาได้เพียงเฉพาะหน้าสะท้อนให้เห็นความล้มเหลวหรือไม่ รวมทั้งกรณีที่ชาวเน็ตไปขุดโพสต์ นโยบายของพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า หากเป็นรัฐบาลจะแก้ไขปัญหา PM 2.5 ที่ต้นตอ นายพิธา กล่าวว่า ก็คิดอยู่ว่า ฝ่ายค้านที่พอจะสูสี กับฝ่ายค้านอย่างพรรคปชน.คือ พรรคเพื่อไทยในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายในสภาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ตนจำได้ว่า เคยอภิปรายเรื่องฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่เป็นสส.พรรคอนาคตใหม่ หมายความว่าผ่านมาแล้ว 4-5 ปี แล้วตอนพรรคเพื่อไทย เป็นฝ่ายค้าน ก็อภิปรายเรื่องนี้อย่างดุเดือดเผ็ดมันส์ แต่ปีนี้เข้าปีที่ 2 ของการเป็นรัฐบาลแล้ว ในความเป็นจริงก็ควรจะเตรียมตัวมานานมากแล้วในการบริหารจัดการ แต่กลับแย่ขึ้นเรื่อยๆ และยังไม่มีแผนการที่เป็นรูปธรรมจนกระทั่งถึง เมื่อเช้านี้หลังจากที่พรรคประชาชน กระทุ้งถึง ได้มีแผนรับมือออกมา
เมื่อถามถึงกรณี ที่นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาซัดกลับนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านว่าผู้นำฝ่ายค้านมีภารกิจเดียวแค่ที่สภา แต่นายกฯมีภารกิจเยอะกว่า นายพิธา กล่าวว่า ทรัพยากรของรัฐบาล กับทรัพยากรของฝ่ายค้านไม่เท่ากัน ฝ่ายรัฐบาลสามารถบริหารจัดการ และกระจายงาน เตรียมทรัพยากรในการบริหารล่วงหน้าได้ตั้งเยอะ การที่จะเป็น สส.นั้น ควรจะต้องผ่านกฎหมายที่มีความก้าวหน้า ต้องตรวจสอบรัฐบาล แต่ตอนนี้พรรค พท.กลายมาเป็นรัฐบาล และพรรค ปชน.เป็นฝ่ายค้าน แต่พรรค พท. ก็ไม่ได้ทำตามที่ตัวเองเคยพูดไว้ในสภาฯขณะที่เป็นฝ่ายค้าน หรือช่วงที่มีการหาเสียง เป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่ประชาชนต้องจมฝุ่นต่อไป ทั้งที่ควรจะทุเลาได้เยอะกว่านี้มาก