ป.ป.ช.แจงกลับ ข้อเสนอแนะ สตง.ปมหลักเกณฑ์ ITA ไม่ชัดเจน

ป.ป.ช.ชี้แจงหลังสื่อตีแผ่ข้อเสนอแนะ สตง. ชี้หลักเกณฑ์การประเมิน ITA ไม่ชัดเจน แถมโชว์ No Gift Policy แต่ผู้บริหารกลับถูกจับปมเรียกรับผลประโยชน์เสียเอง
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2568 นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า ตามที่ปรากฏการนำเสนอข่าวจากสำนักข่าวอิศรา เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ประเด็น “สตง.ชี้ประเมิน ITA เครื่องมือไม่ชัดเจน - โชว์ No Gift Policy แต่ผู้บริหารถูกจับเรียก ปย.” โดยได้มีการนำเสนอข้อมูลส่วนหนึ่งจาก รายงานผลการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ภายใต้แผนแม่บทการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ นั้น
สำนักงาน ป.ป.ช. ขอชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมตามประเด็นที่สำนักข่าวอิศราได้นำเสนอ ดังนี้
ประเด็นที่ 1 การเปิดเผยข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐเป็นเพียงการเปิดเผยข้อมูลเพื่อนำไปสู่ความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน แต่อาจไม่เพียงพอต่อการป้องกันการทุจริตหรือไม่สามารถสะท้อนให้เห็นว่าหน่วยงานมีความโปร่งใสและไม่ทุจริต โดยการประเมิน ITA เป็นเครื่องมือที่มีหลักการเช่นเดียวกับเครื่องมือการประเมินผลหรือเครื่องมือการรับรองมาตรฐานสากลที่นานาประเทศนำไปใช้เป็นเครื่องมือที่ไม่มุ่งเน้นการจับผิดการทุจริตหรือมุ่งรับรองว่าเมื่อหน่วยงานผ่านการประเมิน ITA แล้ว จะไม่มีปัญหาการทุจริตเกิดขึ้นโดยสิ้นเชิง แต่เป็นการมุ่งเน้นการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติงานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการป้องกันการทุจริต ที่จะช่วยป้องปรามการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการกำกับดูแลและตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้หน่วยงานภาครัฐสามารถรับรู้ถึงสัญญาณการทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้น และมีกระบวนการบริการจัดการที่ดี เพื่อนำไปสู่การป้องกันและปราบปรามการทุจริตได้
ประเด็นที่ 2 เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน ITA บางส่วนยังไม่ชัดเจน อาทิ ข้อคำถามบางข้อผู้ตอบแบบวัดอาจตีความคำถามแตกต่างกันและมีเกณฑ์การให้คะแนน ที่แตกต่างกัน และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ตอบแบบวัดให้คะแนนประเมินเป็นไปตามข้อเท็จจริง การออกแบบเครื่องมือและข้อคำถามการประเมิน ITA เป็นการออกแบบตามหลักวิชาการตามหลักการวิจัยและประเมินผล ร่วมกันระหว่างสำนักงาน ป.ป.ช. กับสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ มีการเสนอต่อคณะกรรมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐแต่ละประเภท นักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยประเมินผล ร่วมพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อการกำหนดข้อคำถาม ตัวเลือกการตอบ และเกณฑ์การให้คะแนนเป็นประจำทุกปี
เครื่องมือหรือแบบวัดที่ใช้ในการประเมิน ITA แบ่งออกเป็น 3 เครื่องมือ คือ แบบวัด IIT แบบวัด EIT และแบบวัด OIT ในส่วนของเครื่องมือที่ผู้ตอบแบบวัดที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้มาติดต่อหรือรับบริการจากหน่วยงานภาครัฐ สามารถตอบได้ด้วยตนเองคือ แบบวัด IIT และแบบวัด EIT ซึ่งเป็นการประเมินการรับรู้และประสบการณ์ของผู้ตอบโดยวิธีการสำรวจ (survey) โดยได้มีการพิจารณาการกำหนดคำที่ใช้ในข้อคำถามให้มีความรัดกุม เป็นกลาง และสามารถใช้ตอบได้กับหน่วยงานภาครัฐทุกประเภท ผ่านกระบวนการทดสอบความเที่ยงตรง (validity) และความเชื่อมั่น (reliability) ซึ่งผู้ตอบสามารถเลือกตอบตามประสบการณ์และการรับรู้ได้โดยอิสระตามหลักการวิจัยประเมินผล เพื่อให้มั่นใจว่าผลการประเมิน ITA จะสามารถสะท้อนการรับรู้และประสบการณ์ตรงของผู้ตอบแบบประเมินได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ แม้ว่าผู้ตอบแบบประเมิน จะมีพื้นฐานองค์ความรู้และประสบการณ์ที่แตกต่างกัน
ประเด็นที่ 3 ข้อคำถามบางข้อไม่ได้ออกแบบให้สอดคล้องกับภารกิจหลักของหน่วยงานภาครัฐ แบบวัด OIT เป็นการกำหนดข้อมูลสำคัญที่หน่วยงานต้องเปิดเผย แต่ยังไม่ได้พิจารณาคุณภาพของข้อมูลที่เปิดเผย อีกทั้งเป็นการเปิดเผยข้อมูลเพื่อนำไปสู่ความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน เท่านั้น
ส่วนประเด็นข้อคำถามที่ใช้ในการประเมิน ITA ได้ผ่านความเห็นชอบจากผู้แทนของหน่วยงานภาครัฐแต่ละประเภทที่เป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ว่าสามารถนำไปใช้ในการประเมินหน่วยงานภาครัฐได้ โดยประเด็นข้อคำถามในแบบวัด OIT มีความสอดคล้องกับกฎหมาย แผนแม่บทฯ และนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเป็นประเด็นที่หน่วยงานภาครัฐทุกแห่งต้องดำเนินการเป็นประจำอยู่แล้ว อาทิ พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 พระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 พระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับแผนงานระดับชาติหลายฉบับ เช่น แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมถึงแผนงานบูรณาการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นต้น
ประเด็นที่ 4 การเปิดเผยข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐเป็นเพียงการเปิดเผยข้อมูลเพื่อนำไปสู่ความโปร่งใสในการปฏิบัติงานแต่อาจไม่เพียงพอต่อการป้องกันการทุจริต หรือไม่สามารถสะท้อนให้เห็นว่าหน่วยงานมีความโปร่งใสและไม่ทุจริต ยกตัวอย่างเช่น ข้อ 031 การประกาศเจตนารมณ์นโยบาย No Gift Policy จากการปฏิบัติหน้าที่ โดย สตง. มีความเห็นว่า การที่หน่วยงานมีการเปิดเผยข้อมูลและได้คะแนนในการประเมินแต่ละข้อ ไม่อาจรับรองได้ว่าหน่วยงานดังกล่าวไม่มีการรับของขวัญจากบุคคลอื่นหรือไม่สามารถสะท้อนได้ว่าหน่วยงานดังกล่าวจะมีความโปร่งใสและไม่ทุจริต
การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ เป็นมาตรการป้องกันการทุจริตมาตรการหนึ่งที่สอดคล้องตามหลักการสากลที่ช่วยลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และลดโอกาสเกิดการทุจริต อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการป้องกันการทุจริตที่ต้องดำเนินการควบคู่กับมาตรการอื่น ๆ เช่น การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการเข้าใช้ประโยชน์จากข้อมูลภาครัฐในการตรวจสอบธรรมาภิบาลหรือการทุจริตในการดำเนินงาน
การกำหนดประเด็นข้อคำถามเกี่ยวกับการประกาศเจตนารมณ์นโยบาย No Gift Policy จากการปฏิบัติหน้าที่ สืบเนื่องมาจากแผนปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้กำหนดให้มีกิจกรรมที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยยะสำคัญ (Big Rock) เพื่อให้เกิดการปฏิรูปประเทศ
มีผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยหนึ่งในกิจกรรมสำคัญคือ ให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยประกาศตนเป็นหน่วยงานที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนไม่รับของขวัญและของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ (No Gift Policy) และศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ได้เห็นชอบให้มีการขับเคลื่อนนโยบาย No Gift Policy ในหน่วยงานภาครัฐ และมอบหมายให้สำนักงาน ป.ป.ท. เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการขับเคลื่อน โดยสำนักงาน ป.ป.ท. ได้เสนอเรื่องการขับเคลื่อนนโยบาย No Gift Policy เป็นประเด็นข้อคำถามในการประเมิน ITA โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรคุณธรรมและโปร่งใส (Organization of Integrity) สร้างค่านิยมและจิตสำนึกที่ดีให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ และเป็นการดำเนินการควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนในประเด็นการต่อต้านการรับสินบน และการรับทรัพย์สินของเจ้าพนักงานของรัฐ ตามมาตรา 128 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2561 ซึ่งเป็นมาตรการทางกฎหมาย โดยมุ่งหวังให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมีความรู้และมีแนวปฏิบัติตามกฎหมายที่ถูกต้อง และมีการเปิดเผยการดำเนินงานดังกล่าวต่อสาธารณะ เพื่อให้ภาคประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ
นอกจากนี้ การขับเคลื่อนนโยบาย No Gift Policy เป็นการดำเนินการตามแนวทางมาตรฐานสากลที่ทำในหลายประเทศ อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร แคนาดา และประเทศอื่น ๆ อีกหลายประเทศ โดยนโยบาย No Gift Policy ที่แต่ละประเทศได้ขับเคลื่อนเป็นมาตรการทางสังคมที่ใช้ในการควบคุมพฤติกรรมเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเมื่อได้มีการขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าวออกไปแล้ว ก็จะเป็นการกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนได้ทราบว่าในการไปติดต่อราชการนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องมีการนำของขวัญของกำนัลให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และเพิ่มแรงกดดันทางสังคมในการจับตามองพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่หากเจ้าหน้าที่ของรัฐรายใดฝ่าฝืนหรือไม่กระทำการตามนโยบาย No Gift Policy ที่ได้ประกาศไว้ สังคมก็จะเกิดการตั้งคำถามและเกิดแรงกดดัน (social sanction) ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐนั้น ๆ เพื่อให้ทำตามนโยบาย No Gift Policy ที่ประกาศไว้ต่อไป
ประเด็นที่ 5 การประเมิน ITA ควรกำหนดข้อคำถามที่ใช้ในการประเมินให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งกำหนดคำถามให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับหน้าที่และภารกิจหลักของแต่ละหน่วยงาน รวมถึงแยกประเภทของผู้ตอบแบบวัดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการตอบแบบวัดโดยที่ผู้ตอบไม่รับทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับข้อคำถาม
ตามที่ สตง. ได้ให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานของโครงการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ 2566 สำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับข้อเสนอและได้รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามข้อเสนอให้ สตง. ทราบเป็นระยะ และได้นำมาปรับปรุงพัฒนาหลักเกณฑ์การประเมิน ITA ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยปรับข้อคำถามที่ใช้ในการประเมินให้มีความกระชับและชัดเจนมากยิ่งขึ้น สำหรับการปรับปรุงพัฒนาในระยะยาว สำนักงาน ป.ป.ช. ได้กำหนดแผนการปรับปรุงพัฒนาเครื่องมือการประเมิน ITA สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2571 (ตามกรอบระยะที่ 2 ของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติฯ) ให้มีความสอดคล้องกับบริบทและภารกิจของหน่วยงานภาครัฐแต่ละประเภทมากยิ่งขึ้น กำหนดปรับปรุงพัฒนาแล้วเสร็จในปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 ขณะเดียวกันเครื่องมือการประเมิน ITA จะยังคงชุดข้อคำถามอีกส่วนหนึ่งที่สามารถวัดผลการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐหรือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในระดับชาติเช่นเดิม
ประเด็นที่ 6 การประเมิน ITA ควรกำหนดแนวทางและรูปแบบมาตรฐานในการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะทางเว็บไซต์หลักของหน่วยงาน พร้อมทั้งตัวอย่างข้อมูลที่ถูกต้องโดยนำเสนอผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อให้หน่วยงานสามารถเข้าถึงและศึกษาข้อมูลได้ง่าย
สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ดำเนินการจัดทำตัวอย่างให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีภารกิจการดำเนินงานคล้ายคลึงกันอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี สำหรับหน่วยงานภาครัฐส่วนกลาง สำนักงาน ป.ป.ช. ได้จัดทำตัวอย่างแนวทางการเปิดเผยข้อมูล เผยแพร่ให้หน่วยงานภาครัฐแต่ละประเภทพิจารณานำไปปรับใช้ เนื่องจากหน่วยงานภาครัฐส่วนกลางแต่ละประเภท มีความแตกต่างทั้งในแง่ประเภทหน่วยงาน ภารกิจ กลุ่มเป้าหมาย งบประมาณ ระเบียบ กฎหมาย และแนวทางปฏิบัติของตน







