'กมธ.มั่นคง' เผย 'กฟภ.' ถกตัดไฟฟ้าเมียนมา 29 ม.ค. จับตา 'สมช.'ร่วมวงด้วย

'กมธ.มั่นคง' เผย 'กฟภ.' ถกตัดไฟฟ้าเมียนมา 29 ม.ค. จับตา 'สมช.'ร่วมวงด้วย

“รังสิมันต์” ชวนจับตา 29 ม.ค.นี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ถกตัดไฟส่งเมียนมาหรือไม่ ด้าน สมช. ขอเข้าประชุมด้วย เหตุกระทบความมั่นคง

ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายขื่อ พรรคประชาชน ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมซึ่งติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการฟอกเงินและบัญชีม้าในกระบวนการยาเสพติดที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการซื้อขายไฟฟ้าบริเวณชายแดนไทยจังหวัดเชียงราย ว่า กมธ.ตั้งประเด็นสำคัญที่พิจารณาคือ เรื่องไฟฟ้าจำหน่ายให้กับประเทศเพื่อนบ้าน 17 จุด และหลายจุดอยู่ในฝั่งเมียนมา และหลายจุดมีความสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับคอลเซ็นเตอร์และกระบวนการยาเสพติดหรือไม่ โดยให้น้ำหนักการพิจารณาในพื้นที่อำเภอแม่สอด 2 จุด ที่จำหน่ายไฟฟ้าทางเมียวดี และอีกจุดที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายจำหน่ายไฟฟ้าที่ท่าขี้เหล็ก ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดด้วยเคยมีการจับกุมดำเนินคดีอยู่ โดยทางแม่สอดได้ข้อมูลสำคัญว่าบริษัทคู่สัญญากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท SMTY เป็นบริษัทบุคคลสำคัญ ชื่อพันตรีติ่งมิน ซึ่งเป็นระดับแกนนำ BKF หรือ KNA ซึ่งกองกำลังกลุ่มนี้ให้ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์เช่าพื้นที่ฝั่งเมียวดี เชื่อว่าบริษัท SMTY อาจจะมีความเกี่ยวโยงกับกองกำลังที่ดูแลในพื้นที่ ซึ่งไม่ต่างอะไรกรณีการไฟฟ้าทำสัญญาขายไฟให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยตรง และบริษัทดังกล่าวนั้นสัญญาใกล้จะหมดแล้ว ต้องดูว่าจะมีการต่อสัญญาหรือไม่ 

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า อีกจุด คือ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ผ่านไปยังท่าขี้เหล็ก เมียนมา พบว่าปัจจุบันเปลี่ยนคู่สัญญา ปรากฏว่ามีบริษัทใหม่เข้ามาทำหน้าที่ชื่อ แอสตร้าอิเล็คทริค จดทะเบียนในปี 2566 แต่มีความน่าสงสัย เพราะทุนจดทะเบียนมีแค่ 1 ล้านบาท และคีย์แมนของบริษัทนี้เป็นสุภาพสตรี อายุค่อนข้างน้อย ไม่แน่ใจว่ามีเบื้องหลังหรือประสบการณ์อย่างไร ในการเข้ามาทำสัญญากับการไฟฟ้า เบื้องต้นยังไม่มีการเซ็นสัญญา แต่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แจ้งต่อกมธ.ว่า ทางการไฟฟ้าท่าขี้เหล็กเสนอมา จึงต้องพิจารณาเบื้องต้น

"ค่อนข้างแปลกประหลาดว่าทำไมการไฟฟ้าต้องไปยอมรับตามที่ทางท่าขี้เหล็กเสนอมา แทนที่จะใช้อำนาจของเราตรวจสอบก่อน ซึ่งตามหลัก KYC ควรจะต้องดูเบื้องหลังของคู่สัญญา ที่มาทำสัญญาขายไฟฟ้าด้วย และเท่าที่ทราบจะมีการประชุมในวันที่ 29 ม.ค.นี้ โดยมี 3 แนวทางคือ  การไฟฟ้าอาจคงสภาพการขายไฟแบบนี้ต่อไป โดยไม่ได้สนใจว่าไฟนี้จะตกไปอยู่ในมือของใครบ้าง  ต่อขยายสัญญาบางส่วน และ  ตัดไฟ ทำให้ไฟฟ้าไม่ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมืออาชญากรข้ามชาติ" นายรังสิมันต์ กล่าว

ประธานกมธ.มั่นคงฯ กล่าวต่อว่าในประเด็นที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีการขายไฟฟ้าให้กับนอมินีของกลุ่มที่เป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งกระทบความมั่นคงนั้น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พยายามบอกว่าไม่มีศักยภาพดูเรื่องความมั่นคง เพราะดูแค่เรื่องไฟ  จำเป็นต้องให้ฝ่ายความมั่นคงช่วยชี้แนะ ดังนั้น ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จึงแจ้งด้วยวาจากับการไฟฟ้า ว่าจะขอเข้าประชุมด้วย

"กมธ.ความมั่นคงฯ ก็จะทำหนังสือสนับสนุน สมช. ไปยังการไฟฟ้าด้วย ทั้งนี้ การไฟฟ้าไม่อยากตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ขอลองฟังจากหน่วยงานความมั่นคงต่างๆ ทำให้ไม่สามารถตัดไฟก่อนได้ แต่กรรมาธิการก็อยากให้การไฟฟ้ารับฟังข่าวสารที่เมียนมาแถลงว่า ที่สแกมเมอร์ตั้งกันอยู่ได้ เกิดจากการที่ประเทศไทยขายไฟให้ การไฟฟ้าต้องเอาข้อมูลส่วนนี้ไปพิจารณาด้วย และคาดหวังว่าวันที่ 29 ม.ค. จะมีข่าวดีในเรื่องนี้ และนำไปสู่การตัดไฟ เพื่อทำให้ขบวนการอาชญากรข้ามชาติ มีความอ่อนแอมากขึ้น" ประธานกมธ.มั่นคง กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่าสำหรับกรณีที่สภามอบหมายให้กมธ. พิจารณาญัตติเกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์ ทางกมธ.ได้ตั้งอนุกมธ. และให้นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน เป็นประธาน 

ด้าน นายชุติพงศ์ กล่าวว่า เราได้มีการพูดคุยถึงกรอบอนุกมธ.ฯ โดยนำเสนอต่อสภา เพื่อเสนอแนะต่อรัฐบาล รวมถึงการแก้ไขปัญหาต่อไป ซึ่งความจริงเรื่องแก๊งคอลเซนเตอร์ และการค้ามนุษย์ เป็นปัญหาใกล้ตัวที่ทุกคนรู้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ และหลายคนในประเทศต้องจบชีวิตลง หมดเนื้อหมดตัว ซึ่งเราต้องพยายามหาทางแก้ปัญหานี้ โดยจะระดมความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด รวมถึงการเสนอแก้กฎหมาย ส่วนเรื่องท่าทีรัฐบาลไทยต่อกรณีแก๊งคอลเซนเตอร์ ต้องมีความจริงจังมากกว่านี้ ไม่ควรนิ่งเฉย โดยอนุกรมมาธิการ มีกรอบศึกษาอยู่ภายใน 90 วัน.