'เอกนัฏ' บอกเป็นรมว.มีค่าหัว 300 ลบ. ถูกจ้องย้าย หลังลุยจัดระบบอุตสาหกรรม

'เอกนัฏ' บอกเป็นรมว.มีค่าหัว 300 ลบ. ถูกจ้องย้าย หลังลุยจัดระบบอุตสาหกรรม

"รมว.อุตสหากรรม" แจงสภาฯ ยันไม่เลือกปฏิบัติ ปมปิด รง.น้ำตาลอุดร เผยผลสอบชี้รับซื้ออ้อยเผา 40% ย้ำเป็นนโยบายรัฐบาล ลดปัญหาฝุ่น ย้ำความตั้งใจทำงาน จนกลายเป็น รมว.มีค่าหัว 200-300 ล้านบาท

ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯ วาระกระทู้ถามสด นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์  รมว.อุตสาหกรรม ชี้แจงกระทู้ถามสดของนายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ต่อกรณีการปิดโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี จ.อุดรธานี ซึ่งตั้งข้อสังเกตเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่เนื่องจากพื้นที่ที่พบว่ามีรับซื้ออ้อยเผาสูงกว่า จ.อุดรธานี ไม่พบการสั่งปิดโรงงานเพราะรับซื้ออ้อยเผา เกิน 25%

โดยนายเอกนัฏ ชี้แจงว่า ตนยืนยันว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติแน่นอน และตั้งแต่ตนทำหน้าที่รมว.อุตสาหกรรมไม่ใช่นั่งเฉยๆในห้องแอร์ แต่ได้ลงพื้นที่ตรวจจับและจัดระบบใหม่ในภาคอุตสาหกรรม ปัญหากากอุตสาหกรรม สินค้าด้อยคุณภาพนำเข้าประเทศ ตนสั่งปิดและจับ ดำเนินคดีเด็ดขาด ทั้งนี้มีวางค่าตัวไว้ว่า มีเงิน   200-300 ล้านเพื่อย้ายรัฐมนตรี ตนไม่กลัวเพราะตนมีหน้าที่ที่ต้องการรักษาประโยชน์ของส่วนรวม

นายเอกนัฏ ชี้แจงด้วยว่าสำหรับนโยบายการแก้ปัญหานั้น ที่ผ่านมามีเงินอุดหนุนส่วนของอ้อยสด ที่ 120 บาท ทำให้ต้องใช้งบประมาณหมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งตนมีแนวทางที่จะทำงานและเสนอเข้าครม.​เมื่อ พ.ย. 67  แต่ขณะนี้ ครม. ยังไม่มีมติ สำหรับแนวทางที่จะดำเนินการนั้นต้องการสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ ที่ให้ของเหลืออ้อย เช่น ใบ ชานอ้อย ไปผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย เพื่อให้เกษตรกรตัดใบส่งขายให้โรงงาน หากกำหนดราคาที่เป็นธรรม โรงงานจะได้ และเกษตรกรมีรายได้เสริม โดยการวางระบบดังกล่าวจะทำให้ทันก่อนฤดูกาลหน้าที่จะเปิดหีบอ้อย

“การปิดโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี เป็นภารกิจของรัฐบาล ช่วยลดฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ที่เป็นปัญหาระดับประเทศ โดยการแก้ปัญหาดังกล่าวไม่มีเส้นแบ่งระหว่างพรรคการเมืองหรือ รมว.กระทรวงใด แต่เป็นภารกิจที่นายกฯ ให้ความสำคัญ ทั้งนี้เป็นความตั้งใจของผมที่ต้องการให้ลดการเผาอ้อย โดยล่าสุดพบอัตราการเผาอยู่ที่ 11% ที่ถือว่าต่ำที่สุด บางทีการตัดสินใจไม่ง่าย แต่ต้องช่วยกัน โดยแก้ปัญหามีต้นทุนที่ต้องจ่าย สำหรับโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี ที่ถูกปิด อุตสาหกรรมจังหวัดเข้าตรวจสอบพบว่ามีการรับซื้ออ้อยสูงสุดปริมาณ 4แสนตัน พบเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ซื้ออ้อยเผา 40% ถือว่าสูงสุด ” นายเอกนัฏ ชี้แจง

นายเอกนัฏ ชี้แจงต่อว่า สำหรับมาตรการในปีนี้ชัดเจนตั้งแต่ ต.ค. 67 ได้แจ้งในการรประชุมคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย มีโรงงานและเกษตรกร เมื่อต.ค.67 มีการขอความร่วมมืองดการเผา เกินวันละ 25% และให้โรงงานรับซื้ออ้อยเผาเกิน 25%  ทั้งนี้มีมติ ครม.​ที่ส่งมาถึงตน ขอให้กระทรวงเพิ่มมาตรการงดรับอ้อยเผาโดยสิ้นเชิง  ทั้งนี้ปัญหาการไม่รับซื้ออ้อยเผาที่จ.อุดรธานี ตนได้ช่วยแก้ปัญหาและทราบว่ามีการเคลียร์อ้อยที่ค้างการรับซื้อทั้งหมดแล้ว ส่วนที่พบว่ามีอ้อยเน่านั้นจะมีมาตรการเยียวยาต่อไป.