‘ชัยวุฒิ’ แขวะ พรรคส้ม ค้านไปเคลียร์ไป ไข่ใบเดียวกัน ยัน พปชร. ตรงข้ามรัฐบาล

“ตรีนุช” ลั่น ขอให้เชื่อมั่น “บิ๊กป้อม” บุคลากร พปชร. ประสบการณ์เหนือชั้น ด้านนโยบาย ศก. “ชัยวุฒิ” ชี้ บทบาทฝ่ายค้าน ตรวจสอบรัฐบาล ดัน ความนิยมเพิ่ม แขวะ ส้ม ค้านไปเคลียร์ไป เหตุมาจากไข่ใบเดียวกัน
ที่โรงแรมซี แซนด์ ซัน หัวหิน รีสอร์ท พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ได้จัดกิจกรรมสัมมนา ประจำปี 2568 ภายใต้หัวข้อ “Now & Next พรรคพลังประชารัฐ“ โดย น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ด้านกิจกรรมสัมพันธ์ กล่าวว่า ตนดูแลพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ระยอง จันทบุรี ตราด ซึ่งการทำงานการเมืองต้องมีเป้าหมายว่า จะทำอย่างไรให้มี สส.จำนวนมากที่สุด สิ่งที่หนีไม่ได้ก็คือ การสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อพรรคการเมืองนั้นๆ
น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า วันนี้ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค พปชร.ที่ได้ต่อสู้ร่วมกับพรรคมาอย่างยาวนาน รวมถึงบุคลากรของพรรคในเรื่องของเศรษฐกิจ ทุกท่านเคยเป็นอดีตรัฐมนตรี ร่วมทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับพรรคพลังประชารัฐมา ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยในเรื่องของประสบการณ์ที่เหนือชั้น โดยเฉพาะเรื่องนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ รวมถึงวันนี้เราพร้อมแล้วในการรวมพลังคนพลังประชารัฐ อยู่เพียงแค่ว่า เราจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วได้อย่างไร เพื่อเพิ่มจำนวน สส.และทำงานให้ใกล้ชิดกับประชาชนให้มากยิ่งขึ้น
น.ส.ตรีนุช กล่าวอีกว่า ในส่วนความรับผิดชอบพื้นที่ด้านตะวันออกของตนนั้น ถือว่ามีความหลากหลายของประชากร เป็นภาคที่มีการท่องเที่ยว เกษตรกร อุตสาหกรรม และมีพืชเศรษฐกิจส่งออกระดับต้นๆ ของประเทศไทย เช่น เงาะและลำใย จึงมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด อย่างเช่น ก่อนหน้านี้ก็มีแนวคิดเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ EEC ในจังหวัดชลบุรี ที่เคยมีความพยายามผลักดันให้ต่างชาติมาลงทุนแต่ก็น่าเสียดายที่มีการสะดุดไปเสียก่อน แต่วันนี้ เรายังสามารถผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนได้อีกครั้งว่า จะทำอย่างไรให้มีเขตเศรษฐกิจพิเศษกลับคืนมา ให้มีนักลงทุนกลับมาลงทุนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดการจ้างงาน เป็นการพัฒนาคนที่สำคัญ และส่งผลให้ประชาชนมีรายได้เพิ่ม
“สมัยที่ดิฉันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้ความสำคัญต่อการถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะฝีมืออาชีพแก่เยาวชน เพื่อให้กำลังคนมาพัฒนาและผลิตกำลังคนให้ทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน อย่างเช่น โครงการอาชีวะสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชน เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ หรือ อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ เพื่อให้เด็กด้อยโอกาสได้กลับเข้ามาเรียนในระบบ“ น.ส.ตรีนุช กล่าว
น.ส.ตรีนุช กล่าวต่อว่า วันนี้ยังมีปัญหาของการสื่อสารของงานการเมืองก็คือ ความแตกต่างของช่วงอายุคนระหว่างคนรุ่นเก่า กับคนรุ่นใหม่ เพราะฉะนั้นสื่อโซเชียลในปัจจุบันถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากในการสื่อสารและสร้างความเข้าใจเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในพรรคของเราดังนั้นเรื่องนี้จำเป็นต้องมีการพัฒนาด้วย
ขณะที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า วันนี้เราพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เราเปลี่ยนจากพรรคที่เคยเป็นรัฐบาล มาทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล เรื่องนี้ถือว่าเป็นบทบาทสำคัญในการแสดงผลงานผ่านสื่อมวลชนไปยังสังคม เช่นเรื่อง MOU 44 ทำให้พรรคมีคะแนนความนิยมมากขึ้น มีการเติบโตของกลุ่มที่สนับสนุนมากขึ้น และเป็นความหวังของคนกลุ่มหนึ่งที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศ รวมถึงเปลี่ยนแปลงรัฐบาล
“ผมเชื่อว่า ถ้าพรรคพลังประชารัฐขับเคลื่อนการตรวจสอบ และทำหน้าที่ของฝ่ายค้านให้เข้มข้นและตรงไปตรงมา เมื่อถึงเวลาเลือกตั้ง เราจะมีคะแนนความนิยมเพิ่มขึ้น เพราะอย่างพรรคการเมืองอื่นบางพรรค เขาก็ค้านไปเคลียร์ไป เหมือนไม่ได้ค้านจริง เพราะมาจากไข่ใบเดียวกัน สีแดงกับสีส้มก็มาจากแม่สีเดียวกัน แต่เราอยู่สีตรงข้าม ถ้าเราสู้จริงๆ อย่างตรงไปตรงมาและเต็มที่ จะทำให้พรรคประชารัฐกลับมาเข้มแข็งและเป็นที่ไว้วางใจของพี่น้องประชาชนได้“ นายชัยวุฒิ กล่าว
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ในขณะที่สมาชิกพรรคภาคกลาง ส่วนใหญ่เป็น สส.เก่าเยอะ คนที่ลงพื้นที่จะได้รับการเลือกตั้ง ภาคกลางไม่เหมือนภาคอื่นที่เป็นหน้าเดิม ๆ เยอะ สังเกตว่าเป็นคนลงพื้นที่ อย่างตนเองก็ลงพื้นที่รับฟังประชาชน เพราะคน พปชร.ต้องเป็นคนใจถึงพึ่งได้ แต่แต่ถ้าใจถึงพึ่งไม่ได้ เป็นผู้แทนไม่ได้ ใจไม่ถึงพึ่งยาก หาตัวลำบาก แบบนี้อย่ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ