'นายกฯ' ร่วมประชุม WEF 20-25 ม.ค. เปิดดีล FTA 4ประเทศยุโรป ปั้นโอกาสทอง ศก.ไทย

'นายกฯ' ร่วมประชุม WEF 20-25 ม.ค. เปิดดีล FTA 4ประเทศยุโรป ปั้นโอกาสทอง ศก.ไทย

นายกฯบินดาวอส ร่วมประชุม World Economic Forum ประจำปี 2568 พร้อมเปิดดีล FTA ฉบับแรกสำเร็จกับ “4ประเทศในยุโรป” ลงนาม 23 มค.นี้ ชี้ถือเป็นโอกาสทองเศรษฐกิจของไทย

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum 2568 (WEF Annual Meeting 2025: WEF AM25) ระหว่างวันที่ 20-25 ม.ค.  2568 ที่ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส โดยการประชุม WEF AM25 จะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 55 ภายใต้หัวข้อหลัก Collaboration for the Intelligent Age เพื่อหารือเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงให้เกิดคุณประโยชน์สูงสุดในการสนับสนุนการค้าการลงทุนซึ่งจะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ในบริบทของสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบันที่สลับซับซ้อนและท้าทาย
 
นายจิรายุ กล่าวต่อว่าโอกาสนี้ นายกฯจะใช้เวที WEF แสดงวิสัยทัศน์และนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล ย้ำศักยภาพและความพร้อมของไทยที่จะขับเคลื่อนไปสู่ยุคดิจิทัล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และขยายโอกาสของภาคเอกชนไทยในตลาดโลก  สำหรับผู้แทนรัฐบาลไทยที่ได้รับเชิญและร่วมคณะประกอบด้วย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นางนลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย และนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี

นายจิรายุ เปิดเผยด้วยว่า รัฐบาลประสบความสำเร็จในการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association: EFTA) ที่จะมีการลงนามในวันที่ 23 ม.ค.นี้ ในการประชุม World Economic Forum  ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดย นายกรัฐมนตรี  จะร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลงดังกล่าว

"FTA ไทย - EFTA ถือเป็น FTA หรือ ข้อตกลงทางการค้า ฉบับแรกที่ไทยทำกับกลุ่มประเทศในยุโรป ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 4 ประเทศ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ โดยถือเป็น FTA สมัยใหม่ที่มีข้อตกลงที่ครอบคลุมอย่างรอบด้าน มีมาตรฐานสูง สอดคล้องกับการพัฒนาที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยจะทำให้ปัจจุบัน ไทยมี FTA ทั้งหมด 16 ฉบับ กับ 23 ประเทศ หรือเขตเศรษฐกิจ" นายจิรายุ กล่าว 

 

นายจิรายุ กล่าวด้วยว่าทั้งนี้ ไทยและ EFTA มีมูลค่าการค้าในช่วงเดือนมกราคม–พฤศจิกายน 2567 รวมกว่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 24.94 โดยสินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่  อัญมณีและเครื่องประดับ  นาฬิกาและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และ เครื่องใช้สำหรับเดินทาง

“การเจรจาจัดทำ FTA จะช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้า ดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดโลก โดยเฉพาะในยุโรปที่มีมาตรฐานสูง ทั้งนี้ การเจรจา FTA ถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจ และการส่งออกของไทย สนับสนุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญของภูมิภาค” นายจิรายุ กล่าว.