โชว์วิชั่น ‘ทักษิณ’ คิด ปั่นเรตติ้ง ‘นายกฯอิ๊งค์’ทำ

นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ผ่านการบริหารประเทศมาเกือบ 6 เดือน แม้ผลโพลจะชี้ว่าเป็นนักการเมืองที่โดดเด่นอันดับ 1 ทว่าปฏิเสธไม่ได้ว่ามี "ทักษิณ ชินวัตร" สะท้อนวิชั่นในบทบาทผู้สันทัดกรณี ทางหนึ่งเพื่อช่วยปั่นเรตติ้งให้กับนายกฯ
KEY
POINTS
- วิสัยทัศน์ "ทักษิณ ชินวัตร" ผ่านสื่อ ถือเป็นบารมีอย่างหนึ่งในฐานะอดีตนายกฯ กำลังถูกแปลงสารเพื่อผลักดันให้นโยบายประสบผลสำเร็จ
- "ทักษิณ" ประกาศผ่านเวทีสัมมนาอีกครั้ง “ผมก็คงมีเวลาทำงานช่วยประเทศชาติได้อีก 20 ปี"
- ประเทศไทยเสมือนมี 2 นายกฯ ชินวัตรในเวลาเดียวกัน มี 1 นายกฯ ที่เสมือนเป็นตัวจริง โชว์วิชั่นเป็นผู้ช่วยและให้คำปรึกษากับ "แพทองธาร ชินวัตร" นายกฯ ในตำแหน่ง
- บทบาท "ทักษิณ" ถูกมองออกสื่อผ่านเวทีต่างๆ เพื่อแถลงนโยบายให้รัฐบาล เสมือนเป็นการช่วยปั่นเรตติ้งให้กับ "นายกฯ แพทองธาร" อีกทางหนึ่ง
สิ้นศักราช 2567 เรตติ้งของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังคงถูกยกให้เป็นนักการเมืองหญิงที่โดดเด่นที่สุดแห่งปี 2567
ผ่านผลชี้วัดของ “สวนดุสิตโพล” เผยสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “ที่สุดแห่งปี 2567” ฝ่ายหญิงคือ แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 36.77 ขณะที่นักการเมืองฝ่ายชายคือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 35.89
ขณะที่ "นิด้าโพล" เผยผลสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 4/ 2567 สำรวจระหว่างวันที่ 19-24 ธ.ค. 2567 บุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 29.85 ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ อันดับ 2 ร้อยละ 28.80 "แพทองธาร ชินวัตร"
ส่วนพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 37.30 พรรคประชาชน อันดับ 2 ร้อยละ 27.70 พรรคเพื่อไทย
แน่นอนว่าหลายปัจจัยที่ทำให้ตัว “นายกฯ หญิง” คนที่ 2 ของไทยยังคงขึ้นแท่นอันดับ 1 เพราะด้วยการเป็นบุตรสาวคนเล็กของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้นำจิตวิญญาณแห่ง “พรรคเพื่อไทย”
ถึงขั้นสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ต้องยกฉายาให้รัฐบาลแพทองธาร ทั้งที่เพิ่งเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินยังไม่ทันครบครึ่งปี ก็ได้รับฉายาว่า “รัฐบาลพ่อเลี้ยง”
“ยี่ห้อ ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นชื่อดีกรีความรักลูกไม่น้อยหน้าใคร ทั้งปกป้อง เลี้ยงดู อุ้มชู ปูทาง จนได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้น ที่มีดีเอ็นเอ เดียวกันเป๊ะ จนไม่พ้นเสียงครหา รัฐบาลนี้ พ่อคิด ลูกทำ”
จับความเคลื่อนไหวของ “นายใหญ่” แห่ง “เพื่อไทย” ในช่วงปลายปี 2567 ต่อเนื่องถึงปีใหม่ 2568 หนีไม่พ้นการออกหน้าสื่อมวลชน ทั้งจากการขึ้นเวทีปราศรัยในฐานะผู้ช่วยหาเสียงผ่านเวทีการเลือกตั้งท้องถิ่น นายก อบจ. และเวทีดินเนอร์ทอล์ก รวมทั้งเดินสายออกเวทีสัมมนาของสื่อมวลชน
ขณะที่ “นิด้าโพล” เคยสำรวจความเห็นของประชาชนต่อ “บทบาทอดีตนายกฯทักษิณ ในรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์” เมื่อ 25 ส.ค. 2567 พบว่า ร้อยละ 59.01 เป็นไปไม่ได้เลยที่ความเป็นไปได้ที่นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร จะบริหารประเทศโดยปราศจากทักษิณ ชินวัตร
ขณะที่เสียงส่วนใหญ่ ร้อยละ 39.39 ชี้ว่า บทบาทของทักษิณในความเป็นจริงที่ประชาชนจะเห็นในรัฐบาลแพทองธาร คือ ไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆ แต่อยู่หลังฉากในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธาร
อย่างไรก็ตาม ผลงานของทักษิณสามารถลงพื้นที่ช่วยหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยขึ้นปราศรัยจนทำให้ผู้สมัครนายกฯ อบจ.ของพรรคเพื่อไทย ประสบความสำเร็จได้ชัยชนะ 100% ไปแล้วถึง 2 คน คือ “ศราวุธ เพชรพนมพร”ได้รับเลือกเป็น นายก อบจ.อุดรธานี และ “กานต์ กัลป์ตินันท์” ได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.อุบลราชธานี
ขณะเดียวกัน ทักษิณยังพูดผ่านเวทีต่าง ๆ อย่างล่าสุด โชว์วิสัยทัศน์ผ่านปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Chat with Tony : Bull Rally of Thai Capital Market” จัดโดยหนังสือพิมพ์ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” เมื่อ 13 ม.ค. 2568 โดยระบุว่า “ผมก็คงมีเวลาทำงานช่วยประเทศชาติได้อีก 20 ปีมั๊ง แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วจะช่วยเต็มที่ เท่าที่ทำได้”
“เราเป็นรัฐบาลมีหน้าที่ต้องทำงานให้ประชาชน ทำงานให้ประเทศ ถ้าไม่ใช้รัฐบาล จะใช้ใคร มานั่งด่ารัฐบาลแล้วเป็นไง ใครทำ ความจริงแล้วต้องช่วยกันทำ สนับสนุนรัฐบาลทำงานให้ประเทศชาติและประชาชน”
วิสัยทัศน์ของ “ทักษิณ” ถูกตีความไปในทาง ออกมาเอื้อเพื่อช่วยตีผลงาน และแถลงนโยบายให้กับรัฐบาลแพทองธาร
ทั้งในเรื่องการลดต้นทุนพลังงานให้กับประชาชน ผ่านเวทีสัมมนาที่พูดสอดคล้องกับนายกฯ ในเรื่องการลดต้นทุนค่าไฟฟ้าให้ได้ 3.70 บาทต่อหน่วย ทำให้ นายกฯ ออกมารับลูกแนวคิดนี้ สะท้อนถึงสไตล์การทำงานของรัฐบาลชุดนี้ “นายกฯทักษิณคิด นายกฯอิ๊งค์ ทำ”
“นายกฯ อิ๊งค์” เด้งรับว่า เป็นเป้าหมายของรัฐบาลที่จะต้องทำให้ได้ว่า “การปรับลดค่าไฟคือสิ่งที่รัฐบาลเน้นย้ำอยู่แล้วว่าต้องการทำให้ค่าไฟถูกลง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อค่าครองชีพพื้นฐานของประชาชนเอง หรือเพื่อให้แข่งขันในเวทีโลก เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะถือเป็นการลดต้นทุน”
ยังไม่นับบทบาทที่ “ทักษิณ” ถูกแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน ซึ่ง “ทักษิณ” ยอมรับผ่านเวทีดินเนอร์ทอล์ก ล่าสุดว่า เข้ามาเพื่อช่วยเจรจาเมียนมาที่มีการรบกัน
“ทุกวันนี้จึงอยากให้พูดคุย รัฐบาลเป็นแทร็ค 1 ไม่ใช่รัฐบาลเรียกแทร็ค 2 การแก้ปัญหาของโลกระหว่างประเทศ เขาใช้แทร็ค 2 ก่อน ส่วนแทร็ค 1 ไปปิดดีล ทั่วโลกเป็นแบบนี้ ซึ่งผมก็เป็นแทร็ค 2 ให้กับประเทศอาเซียน เพื่อจะทำงานแก้ปัญหาหลาย ๆ เรื่อง และเรื่องนี้ต้องรีบทำ”
นอกจากนี้ ยังการันตีว่าจะทำให้จีดีพีของประเทศเติบโตเป็น 5% ให้ได้ภายในปี 2569 ก่อนที่รัฐบาลจะครบเทอมในปี 2570 รวมทั้งส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่ รัฐบาลจะส่งเสริมให้มากขึ้นนอกจาก เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แล้วก็จะมีการดึงเอไอฮับ ให้มาอยู่ที่ไทยให้ได้
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในทางพฤตินัย ประเทศไทยเสมือนมี 2 นายกฯ ชินวัตร คือ นายกฯ ตัวจริงที่โชว์วิชั่นในการคิด ก่อนแปลงสารไปสู่การเป็นนโยบายเพื่อให้รัฐบาลที่มี “นายกฯ” ในตำแหน่ง คือ “แพทองธาร” ปฏิบัติผลักดันให้สำเร็จ
“พวกขาประจำ ผมพร้อมจะเลี้ยงไวน์ จะได้หยุดสักที”
เป็นลีลาการเมืองแพรวพราว ท่ามกลางจังหวะขยับหมากทุกฝีก้าวของ “อดีตนายกฯ ทักษิณ” จึงหนีไม่พ้นเป็นการเดินเกม เพื่อช่วยปั่นเรตติ้งให้ “รัฐบาลแพทองธาร” ในห้วงเวลาที่เหลืออีกเกือบครึ่งทางของรัฐบาล