'วันนอร์' ชวนปกป้อง รธน.อย่าให้ฉีกซ้ำ ปชต. อำนาจประชาชน ไม่ใช่ปลายกระบอกปืน

'วันนอร์' ชวนปกป้อง รธน.อย่าให้ฉีกซ้ำ ปชต. อำนาจประชาชน ไม่ใช่ปลายกระบอกปืน

“วันนอร์”  เปิดงานวันรัฐธรรมนูญ 2567   เรียกร้องประชาชนออกมาปกป้องรัฐธรรมนูญ  ไม่ให้มีการฉีกซ้ำ   ยก"เกาหลีใต้-ตุรกี" ประชาชนเข้มแข็ง ให้อำนาจรัฐสภายับยั้ง

10 ธ.ค.ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา   ประธานรัฐสภา เป็นประธานเปิดงาน วันรัฐธรรมนูญ 2567 ภายใต้ชื่องาน “สู่รัฐธรรมนูญในฝัน” เป็นการสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเมืองในระบบรัฐสภา เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง

ประธานรัฐสภา กล่าวว่า  วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของรัฐสภาที่มาจากประชาชนอนุมัติรัฐธรรมนูญ  ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ  รัฐธรรมนูญ   รัฐสภา และประชาชน มีความผูกพันกันอย่างแยกไม่ได้ และวันนี้ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญมาถึง 20 ฉบับ เห็นถึงความอ่อนแอของการรักษารัฐธรรมนูญ แต่เราต้องตระหนักถึงความปรารถนาดี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7  ที่มอบรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยให้กับคนไทยทั้งประเทศ โดยที่ไม่มอบอำนาจให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งใช้อำนาจในการมาบริหารประเทศนี้

ประธานรัฐสภา   ยังยกตัวอย่างเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศเกาหลีใต้   ที่ล่าสุด สภายับยั้งการประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดี    ซึ่งทำให้เห็นว่าประเทศเกาหลีใต้ ก้าวข้ามมาได้เพราะมีรัฐธรรมนูญที่เข้มแข็ง    เช่นเดียวกับประเทศตุรกีที่มีประชาชนเข้มแข็ง 

นายวันมูหะมัดนอร์    ยังย้ำว่า ตนเองไม่เห็นด้วยกับการฉีกรัฐธรรมนูญ ซึ่งการฉีกรัฐธรรมนูญเป็นการอ้างของผู้ปกครองประเทศ    และความบกพร่องของสภา ซึ่งเป็นข้ออ้างแต่ตนยอมรับว่ารัฐสภายังมีข้อบกพร่อง ผู้บริหารอาจจะไม่ดี แต่การฉีกรัฐธรรมนูญเกิดรัฐประหาร ก็สามารถแก้ได้เพราะรัฐสภาเป็นของประชาชน และผู้บริหารมาจากประชาชน ก็ต้องแก้ด้วยประชาชน ถ้าผู้บริหารไม่ดีประชาชนก็จะไม่เลือก ถ้ารัฐสภาไม่ดีก็ต้องเกิดการยุบสภา ซึ่งหลังจากนั้นประชาชนก็จะต้องเลือกเข้ามา  

ดังนั้นประชาชนสำคัญที่สุด  เพราะประชาธิปไตยเป็นของประชาชน ไม่ใช่อำนาจของกระบอกปืน  สำคัญในระบอบประชาธิปไตยวันนี้ถึงเวลาที่จะพร้อมสร้างสิ่งเหล่านี้ โดยรัฐธรรมนูญในอนาคตมีนักวิชาการหลายท่านที่มาในวันนี้อาจจะมีส่วนสำคัญในการสร้างรัฐธรรมนูญ

ส่วนตัวชอบคำพูดของนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล ที่ระบุว่ารัฐธรรมนูญในอนาคตควรจะมีบทบัญญัติของการป้องกันปฏิวัติรัฐประหาร  หลักการป้องกันการฉีกรัฐธรรมนูญเหมือนกับประเทศเกาหลีใต้ที่มีการป้องกันได้ เพราะมีกลไกในสภา ซึ่งถือเป็นเครื่องมือ    แต่หลายคนมองว่า นักปฏิวัติฉีกรัฐธรรมนูญได้อยู่ดี    

ดังนั้น จึงเห็นว่าบ้านที่มีรั้วมีประตู กับบ้านที่ไม่มีรั้ว ไม่มีประตู    สิ่งไหนจะป้องกันโจรได้ดีกว่า ตนเองจึงอยากเห็นรัฐธรรมนูญฉบับต่อไปต่อไปเป็นบ้านที่มีรั้ว  มีประตู และใส่กุญแจได้ เพื่อให้คนอยู่ในนั้นพร้อมปิดประตู และต่อสู้ในรั้วของตนเองได้   โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญข้างหน้า จะต้องมีความหวังมีความหวังกับบทบัญญัติ ต้องมีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ และที่สำคัญ การป้องกันรัฐประหารจะอาศัยแค่รัฐสภา ประชาชนอย่างเดียวไม่ได้   จะต้องมีตุลาการ   ศาล   ต้องมีส่วนป้องกัน

พร้อมกันนี้ยังย้ำว่า ไม่อยากเห็นการเฉลิมฉลองวันรัฐธรรมนูญ แต่ต้องมองไปข้างหน้า ว่ามีรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยแล้ว จะป้องกันรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยให้ยืนนานได้อย่างไร และพร้อมใจป้องกันรัฐธรรมนูญ ซึ่งถึงเวลาแล้วที่จะต้องสร้างแนวรั้วป้องกันรัฐธรรมนูญ   รัฐสภาและสถาบันพระปกเกล้าจะมีการอบรมประชาชนแม้จะต้องใช้งบประมาณ แต่ก็เพื่อให้คนเข้าใจในรัฐประชาธิปไตยพร้อมกับปกป้องรัฐธรรมนูญ ให้เหมือนกับประชาชนชาวเกาหลีใต้   และประเทศตุรกี ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่า ปลูกฝังประชาชนในการรับประชาธิปไตย ตนเองขอฝากนายพิเชษฐ์  เชื้อเมืองพาน   รองประธานสภาคนที่สอง  เป็นหัวหน้าโครงการนี้  เพราะถึงเวลาที่จะต้องทำอย่างจริงจัง 

“เชื่อด้วยความสุจริตใจว่าไม่มีใครอยากปฏิวัติถ้าไม่จำเป็น  ดังนั้นทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน  ซึ่งผมเองไม่อยากเห็นการปฏิวัติรัฐประหารที่ตนเองเห็นมาหลายครั้งแล้ว พร้อมกับเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายครั้ง  ทุกคนอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 21 นี้    และมีแนวทางปกป้องประชาชน   ปกป้องรัฐประหารไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ อย่างน้อยให้มีรั้ว  ดีกว่าไม่มีรั้ว” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว 

หลังจากนั้น   ประธานรัฐสภา  ให้สัมภาษณ์ เพิ่มเติมว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งต่อไปแนวทางป้องกันการรัฐประหาร   คือจะต้องมีบทบัญญัติว่าด้วยการลงโทษ ผู้ที่กระทำด้วยการทำปฏิวัติ ล้มล้างรัฐธรรมนูญ และขอให้บทบัญญัตินั้นนำไปสู่การปฏิบัติให้ได้    ไม่ใช่แค่มีบทบัญญัติอย่างเดียว    

ส่วนจะดำเนินการอย่างไรนั้นต้องศึกษารัฐธรรมนูญของประเทศเกาหลีใต้    ที่มีบทบัญญัติเรื่องนี้ไว้ว่าเมื่อมีการยึดอำนาจสามารถนำบทบัญญัตินี้เข้าสู่รัฐสภาลบล้างอำนาจที่ประกาศไว้ได้     ซึ่งถือว่าเป็นตัวอย่างที่ง่าย ซึ่งส่วนตัวคิดว่าคนไทยคงเก่งที่จะร่างกฎหมายต่างๆ ให้นำไปใช้ได้    แต่สำคัญอยู่ที่ประชาชนร่วมมือกัน    เหมือนกับประเทศเกาหลีใต้ที่ร่วมมือกัน    ที่ไม่เห็นด้วยกับการประกาศกฎอัยการศึก ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยก็ไม่สำเร็จ 

สำหรับเรื่องนี้จะไปสอดคล้องกับการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม   โดยให้อำนาจคณะรัฐมนตรี     มีหน้าที่และอำนาจพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล    เพื่อสกัดการรัฐประหาร  ที่พรรคเพื่อไทยสนับสนุน นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว่า คนละส่วนกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมือง ซึ่งไม่เกี่ยวกัน

แต่ส่วนตัวเห็นว่ารัฐธรรมนูญ  ที่จะแก้ไขในสมัยนี้ ต้องมีมาตรการที่ป้องกันไม่ให้รัฐธรรมนูญถูกฉีกอีก  ส่วนบทลงโทษของผู้ที่ทำรัฐประหารนั้นความรุนแรงจะถึงระดับไหนนั้นขึ้นอยู่กับคณะกรรมการร่างฯ   ว่าควรมีบทลงโทษขนาดไหน   และจะต้องปฏิบัติได้ด้วย     ก่อนหน้านี้มีบทลงโทษที่รุนแรงว่าการฉีกรัฐธรรมนูญคือกบฏ  แต่ว่าไม่ได้ผลในด้านการปฏิบัติ    

ดังนั้นบทบัญญัติจะต้องสอดคล้องกับแนวปฏิบัติได้ด้วยและประชาชนยอมรับ โดยที่ต้องเอาทุกฝ่ายมาคุยกัน โดยเฉพาะฝ่ายที่มีอาวุธในมือ เพราะขณะนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก การเมืองก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย    ดูจากหลายแห่งการเมืองในประเทศเกาหลีใต้และไนจีเรีย ซึ่งประเทศไทยจะอยู่อย่างนี้โดยไม่เปลี่ยนแปลง    ประชาธิปไตยคงจะล้าหลังมาก