ป.ป.ช.จัดวันต้านคอร์รัปชันสากล 'ชูศักดิ์' ลั่นรัฐบาลชุดนี้เอาจริงปราบโกง

ป.ป.ช.จัดงานต้านคอร์รัปชันสากลประจำปี 67 'ชูศักดิ์' ตัวแทนนายกฯ ชี้ที่ผ่านมาคะแนน CPI ไทยยังคงที่รั้งท้ายตาราง สะท้อนไม่ได้เอาจริงเอาจัง ลั่นรัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญปราบโกง เสริมสร้างองค์กรอิสระไม่ให้ถูกแทรกแซง
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2567 ที่ฮอลล์ 7 อาคารศูนย์การประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี รัฐบาลร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงาน ป.ป.ท. องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน จัดงานเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ภายใต้แนวคิด FIGHT AGAINST CORRUPTION “สู้ให้สุด หยุดการโกง” รวมพลังคนไทยกว่า 3,000 คน แสดงออกถึงเจตจำนงในการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ
สำหรับวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (International Anti-Corruption Day) ถือกำเนิดขึ้นหลังจากที่ที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติ (UN) มีมติเห็นชอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต พ.ศ. 2546 (United Nations Convention Against Corruption – UNCAC , 2003) อย่างเป็นเอกฉันท์ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2546 จากนั้นประเทศภาคีเครือข่ายสหประชาชาติจำนวน 191 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยได้เข้าร่วมลงนามในอนุสัญญาฯ ระหว่างวันที่ 9 - 11 ธันวาคม 2546 ณ เมืองเมอริด้า ประเทศเม็กซิโก ด้วยเหตุนี้ องค์การสหประชาชาติ จึงประกาศให้วันที่ 9 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล
นายวิทยา อาคมพิทักษ์ กรรมการ ป.ป.ช. ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า รัฐบาล ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ได้ร่วมกันจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ขึ้น ในวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2567 ภายใต้แนวคิดหลัก FIGHT AGAINST CORRUPTION “สู้ให้สุด หยุดการโกง” และขณะเดียวกันในส่วนภูมิภาค มีการจัดประชุมร่วมกับกรมการจังหวัด และกลุ่มองค์กรภาคีเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อตีแผ่ปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในสังคม การสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต และเพื่อร่วมกันแสดงพลังความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในทุกรูปแบบ รวมทั้งส่งเสริม และสนับสนุนความซื่อสัตย์สุจริตให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
สำหรับกิจกรรมภายในงานจะเริ่มลงทะเบียนตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00 น. จากนั้นจะเป็นการแสดงชุด “ฉ่อย สู้โกง” และการแสดงชุด “ลั่นกลองชัย ปลุกพลังไทยสู้หยุดโกง” การนำเสนอวิดีทัศน์กิจกรรมวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ภายใต้แนวคิด “FIGHT AGAINST CORRUPTION สู้ให้สุด หยุดการโกง” และเวลาประมาณ 10.30 น. นายวิทยา อาคมพิทักษ์ กรรมการ ป.ป.ช. ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวต้อนรับและกล่าววัตถุประสงค์การจัดงาน และนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี ประธานในพิธีประกาศเจตจำนงในการต่อต้านการทุจริต และภาคีเครือข่ายร่วมแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการทุจริต
ทั้งนี้ นายชูศักดิ์ กล่าวปาฐกถาเนื่องในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับมอบหมายจากท่านนายกรัฐมนตรี ให้มาเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นวันที่องค์การสหประชาชาติกำหนดให้เป็นวันสำคัญ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาคมโลก ถึงภัยร้ายแรงของการทุจริต และเพื่อประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจัง
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาการคอร์รัปชันของประเทศไทยเป็นปัญหาเรื้อรังที่สั่งสมมานาน ส่งผลเสียหายต่อประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง นำไปสู่ปัญหาการขาดความเชื่อมั่นในมุมมองของนานาชาติ จากการศึกษาขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International: TI) ในปีที่ผ่านมา สะท้อนว่าปัญหาการทุจริตที่เป็นจุดอ่อนที่สำคัญของประเทศไทย คือ เรื่องการซื้อขายตำแหน่ง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง การทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การเรียกรับสินบน การใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อกัน การบังคับใช้กฎหมาย การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนรวมและประโยชน์ส่วนตน และความไม่โปร่งใสในการใช้งบประมาณ
ส่งผลต่อคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) เป็นดัชนีสำคัญที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกให้การยอมรับ เพื่อวัดสถานการณ์การทุจริตในแต่ละประเทศ ที่นักลงทุนหรือนักธุรกิจหลายประเทศใช้ประเมินความน่าสนใจลงทุนของแต่ละประเทศ โดยมองว่าการทุจริตคอร์รัปชันเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เป็นต้นทุนหรือความเสี่ยงในการเข้ามาประกอบธุรกิจ อย่างไรก็ตามผลการประเมินดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของประเทศไทย ในระยะที่ผ่านมายังอยู่ในระดับคงที่ มีคะแนน 35 - 36 คะแนนจาก 100 คะแนน แสดงให้เห็นถึงปัญหาการทุจริตในประเทศไทยที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง
นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลจะยึดมั่นในหลักนิติธรรม (Rule of Law) และสร้างความโปร่งใส (Transparency) การสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน ด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ ใช้งบประมาณของรัฐน้อยที่สุดแต่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ในการสร้างรายได้ และสร้างโอกาสแก่ประเทศและประชาชน โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ ซึ่งรัฐบาล มีความมุ่งมั่นตั้งใจดำเนินงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ยึดประโยชน์ของประชาชน ทุกภาคส่วนเป็นที่ตั้ง และผลักดันการแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาในเชิงระบบที่สำคัญ ผ่านการบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ได้แก่ การให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการทุจริตโดยการผลักดันให้แนวทางการแก้ไขบรรจุไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (พ.ศ. 2561 - 2580) โดยเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560 และการผลักดันให้มีการจัดทำแผนระดับรองเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างจริงจัง เนื่องจากการทุจริตส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการภาครัฐ การพัฒนาเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน และการพัฒนาประเทศ รวมถึงภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย ทั้งในแง่การรับรู้ของภาคประชาชน และภาคธุรกิจ
การขับเคลื่อนพระราชบัญญัติอำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชน เพื่อสร้างความโปร่งใสในการอนุมัติ อนุญาต เพื่อลดปัญหาการทุจริตจากการเรียกรับสินบน และการพัฒนาและส่งเสริมให้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในขั้นตอนต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและลดระยะเวลาในการติดต่อขอรับบริการจากหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะในเรื่องการอนุมัติ/อนุญาตต่าง ๆ สร้างความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ และประชาชนสามารถตรวจสอบได้ มีการเปิดเผยข้อมูลสู่ระบบดิจิทัล
การเสริมสร้างให้กระบวนการยุติธรรมมีความเป็นอิสระ ปราศจากการแทรกแซง สร้างความน่าเชื่อถือ ความโปร่งใสในระบบศาลยุติธรรม การบังคับใช้กฎหมาย กระบวนการนิติบัญญัติ และระบบการบริหารจัดการ รวมทั้งการส่งเสริมระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม
การสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินคดีทุจริตคอร์รัปชันที่สร้างความเสียหาย หรือมีผลกระทบในวงกว้าง รวมถึงการรับมือกับปัญหาการเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่รัฐ และปัญหาการทุจริตข้ามชาติ ทั้งในเรื่องช่องว่างของกฎหมาย เพื่อสามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ
นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีการสร้างความเข้มแข็งและความเป็นอิสระให้กับหน่วยงานตรวจสอบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการตรวจสอบ ก่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุล และบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายบริหารและหน่วยงานตรวจสอบ เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบเชื่อมโยงกันในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง และไร้รอยต่อ การพัฒนาช่องทางการแจ้งเบาะแสให้มีความหลากหลายเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงได้โดยง่าย สามารถแจ้งเบาะแสได้ทันทีเมื่อพบเห็นการกระทำทุจริต
การส่งเสริมให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังการทุจริต เพื่อเป็นพลังในการตรวจสอบการทุจริต ความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง และการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ การปราบปรามการทุจริคอร์รัปชันจะสำเร็จได้ ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังของภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน รวมถึงการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจถึงการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการทุจริตและผลที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง เป็นรูปธรรมของประเทศไทยไปให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับการประเมินดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของประเทศไทย อันจะส่งผลให้นักลงทุนชาวต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นและตัดสินใจลงทุนในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น ทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการจ้างงานของประเทศเติบโตได้มากขึ้น และส่งผลต่อการยกระดับค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ให้ดีขึ้นด้วย
นายชูศักดิ์ กล่าวด้วยว่า วันที่ 9 ธันวาคมของทุกปี รัฐบาลได้ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ขึ้น ภายใต้แนวคิด “Fight Against Corruption สู้ให้สุด หยุดการโกง” โดยมีเจตนารมณ์ในการมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง รวมทั้งแสดงจุดยืนร่วมกันของคนไทยทุกภาคส่วนที่จะไม่ทำ ไม่ทน และไม่เฉย ต่อการทุจริต อีกต่อไป
ในนามของรัฐบาล ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือกันดูแลปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ และขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้ทุ่มเทเสียสละในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันอย่างจริงจัง ขอให้พลังแห่งคุณความดี จงปกป้องคุ้มครองท่าน และนำพาประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรือง ในโอกาสนี้ ขอนำพี่น้องชาวไทยทุกท่านทั่วประเทศ ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) พร้อมกัน
“ข้าพเจ้า นายชูศักดิ์ ศิรินิล ขอประกาศเจตจำนงว่า จะประพฤติปฏิบัติตน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่กระทำการทุจริต จะยึดมั่นในความยุติธรรม ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ไม่กระทำการใดอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ จักปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยจิตอาสา พร้อมทำความดี ด้วยหัวใจ” นายชูศักดิ์ กล่าว