ยึดอาณาจักร 'ลุงป้อม' ปิดฉากประธานโอลิมปิค

ยึดอาณาจักร 'ลุงป้อม' ปิดฉากประธานโอลิมปิค

จาก “บ้านป่ารอยต่อ” จนถึง “บ้านอัมพวัน” ปฏิบัติการบีบ-ปลด-ยึด ขุมอำนาจของ “บิ๊กป้อม” เดินหน้าดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน จนผู้ได้รับสมยานาม “บิ๊กบราเธอร์” ทางการเมือง เหลือเพียงเก้าอี้ สส. ที่ติดตัวอยู่

ปฏิบัติการชำระหนี้แค้นของ "นายใหญ่" บ้านจันทร์ส่องหล้า ออกอาวุธทางลับ-ทางแจ้ง ทิ้งบอร์มเข้าใส่ "บิ๊กบราเธอร์" บ้านป่ารอยต่อ ยังไม่หยุดอยู่ที่การขับพรรคพลังประชารัฐ พ้นจากพรรคร่วมรัฐบาล

"นายใหญ่" เดินเกมผ่าน "นอมินี" เปิดฉากรุกไม่มีถอย บีบจน "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทางเดินแคบจนเกือบไม่เหลือที่ยืนทางการเมือง

บีบแรก การขับ "ลุงป้อม-พลังประชารัฐ" พ้นพรรคร่วมรัฐบาล เสมือนการตัดท่อน้ำเลี้ยง-ตัดท่ออำนาจ "ทีมบ้านป่า" ส่งผลกระทบต่อเครือข่ายอำนาจที่เคยอยู่เคียงข้าง "ลุง" กระเจิดกระเจิงออกจากบ้านป่า

ขณะเดียวกันยังตี "พรรคพลังประชารัฐ" ให้ร้าวหนักจนแตกกันคนละทิศคนละทาง ฝั่งหนึ่งอยู่กับ "ลุงป้อม" ถูกผลักให้อยู่ในขั้วฝ่ายค้าน ฝั่งหนึ่งอยู่กับ “ผู้กองร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส. พลังประชารัฐ หอบ 20 สส. ออกจากบ้านป่า ปันใจให้พรรคกล้าธรรม

การตีจาก “ลุงป้อม” ทำให้ “ธรรมนัส” มีโควตารัฐมนตรี 2 เก้าอี้ หนึ่ง “ดร.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ สอง “อิทธิ ศิริลัทธยากร” รมช.เกษตรและสหกรณ์ หลังจาก “ธรรมนัส” หมายมั่นใจจะรวบรวมกำลังพลมาช่วยปลุกปั้น “พรรคกล้าธรรม

ทว่าการโดนผูกขาให้สถานะของ “ธรรมนัส-20 สส.” ยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ทำให้เขาไม่สามารถขยับเกมการเมืองได้อย่างสะดวก แถมใจจริงของ “ธรรมนัส” ยังหวังนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี แต่ติดตรงคำขู่ของ “บิ๊กพลังประชารัฐ” หากส่งชื่อสมาชิกพรรคนั่งรัฐมนตรี จะสะเทือนเก้าอี้ “นายกฯ” ของ “แพทองธาร ชินวัตร” ทันที

บีบสอง เมื่อ “บิ๊กพรรคกล้าธรรม” ต้องการสร้างดาวดวงใหม่ จึงมีปฏิบัติการ “ปล่อยคลิปเสียงลับ” ของ “ลุงป้อม” อยากนั่งเก้าอี้นายกฯ จนสั่นคลอนพรรคพลังประชารัฐ แม้จะไม่มีใครออกมายอมรับว่าเป็น “มือปล่อยคลิป” แต่กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากปฏิบัติการดังกล่าว หนีไม่พ้นคู่ขัดแย้ง “ลุงป้อม-พลังประชารัฐ”

บีบสาม เนื่องจาก “ลุงบ้านป่า” เสียงแข็ง ไม่ยอมขับไส้ศึกออกจาก “พลังประชารัฐ” ปฏิบัติการบีบเริ่มแรงขึ้น ล่าสุดทิ่มแทงไปที่ “กล่องดวงใจ” ของ “บ้านป่า” เล่นไขปริศนา “หวานใจอดีตรองนายกฯ” มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถือครองที่ดิน ส.ป.ก.

ขบวนการปล่อยข่าวมาจาก “ทีมพญานาค” เริ่มจากหัวขบวนจนถึงลูกหาบ ออกมาขู่จะเอาผิดให้ได้ไม่ว่าจะ “ใหญ่เบอร์ไหน” จนมีตัวย่อ “สาวปริศนา” ปล่อยออกมาให้คาดเดากันตามหน้าสื่อ

บีบสี่ ริบเก้าอี้ “ลุงป้อม” ไม่ให้อยู่ในตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย โดยล่าสุดการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้รับรองการจดทะเบียนการแต่งตั้งคณะกรรมการสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศชุดใหม่ โดย “พล.ท.บุญชัย เกษตรตระการ” มาดำรงตำแหน่งแทน “พล.อ.ประวิตร”

ส่งผลให้ “ลุงป้อม” ไม่มีตำแหน่งในสมาคมกีฬา แม้แต่สมาคมเดียว กระทบต่อการคัดเลือก “ประธานโอลิมปิค” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวจะต้องมาจา “นายก สมาคมกีฬา” ทั้ง 38 สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย

ย้อนไปในช่วง “ลุงป้อม” นั่งเป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ แทน“ บิ๊กอ๊อด”พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีต รมว.กลาโหม ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ประกาศวางมือ หลังจากดำรงตำแหน่งมา 4 สมัย 16 ปี

สำหรับกระบวนการคัดเลือก “ประธานบอร์ดโอลิมปิคฯ” ใช้วิธี ให้ 38 สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ที่อยู่ใน OCA คัดให้เหลือ 23 สมาคม เพื่อมาคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิ สมาคมละ 10 คน รวมเป็น 33 คน และมาจากตัวแทน OCA แห่งประเทศไทย 1 คน คือ คุณหญิง ปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และนักกีฬาที่ได้เหรียญ 1 คน รวม 35 คน มาโหวตเลือกประธานบอร์ดโอลิมปิคฯ 

สำหรับบุคคล ที่จะได้นั่งประธานบอร์ดโอลิมปิกฯ มีเงื่อนไข ต้องเป็นนายกสมาคมกีฬาประเภทใดก็ได้ หรือหลายประเภท เช่น พล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เคยเป็นนายกสมาคมว่ายน้ำแห่งประเทศไทย เช่นเดียวกับ บิ๊กป้อม เป็นนายกสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทยคนปัจจุบัน

หลังจากบิ๊กป้อม ได้รับเลือกเป็นประธานบอร์ดโอลิมปิคฯ ก็ได้สั่งรีโนเวทสำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย “บ้านอัมพวัน” ถนนศรีอยุธยา เขตดุสิต กทม. ซึ่งเป็นสถานที่ทรงคุณค่า มีอายุกว่า 100 ปี ซึ่งมีสภาพทรุดโทรม โดยได้รับการปรับปรุง ชั้นล่างใช้เป็นสถานที่ประชุม และต้อนรับแขก ส่วนชั้นสองเป็นพิพิธภัณฑ์กีฬาโอลิมปิกฯ 

จาก “บ้านป่ารอยต่อ” จนถึง “บ้านอัมพวัน” ปฏิบัติการบีบ-ปลด-ยึด ขุมอำนาจของ “บิ๊กป้อม” เดินหน้าดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน จนผู้ได้รับสมยานาม “บิ๊กบราเธอร์” ทางการเมือง เหลือเพียงเก้าอี้ สส. ที่ติดตัวอยู่