สัญญาณเร่งเกม รื้อ ‘รธน.60’ ป้องนายกฯ ปล่อยผีการเมือง

สภาฯ เห็นชอบ การแก้ กม.ประชามติแล้ว ไทม์ไลน์ต่อไปต้องจับตา การยืนยันของ นายกฯ แพทองธาร ว่าจะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญอย่างไร ตัวแทนเพื่อไทยส่งสัญญาณควรเร่งเกม เพื่อป้องนายน้อย - ปล่อยผีการเมือง
KEY
POINTS
Key Point :
- สภาฯ เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ประชามติ ปลดล็อก "เกณฑ์ผ่าน" ด้วยเสียงข้างมาก 2 ชั้น
- ความน่าสนใจของเนื้อหาที่แก้คือ แค่ใช้เสียงข้างมาก แถมเพิ่มสิทธิ "งดออกเสียง" ให้ผู้ที่ยังแคลงใจมีช่องสะท้อนความเห็น
- การเดินหน้าแก้ พ.ร.บ.ประชามติ "คนเพื่อไทย" มอง คือ กุญแจดอกแรกที่จะนำไปสู่ รื้อรัฐธรรมนูญ 2560 พร้อมส่งสัญญาณว่าเป็นการเดินเกมเพื่อช่วย "นายกฯ แพทองธาร"
- ประเด็นแรกคือ ไม่ให้ซ้ำรอยการถูกถอดถอนเหมือน "เศรษฐา ทวีสิน"
- ประเด็นสองคือ การคืนเสถียรภาพทางการเมืองให้รัฐบาล-ปล่อยผีการเมือง
- ทว่าในเกมแก้ รธน.นั้น ต้องรอฟังสัญญาณจาก "นายกฯ" คนใหม่อีกครั้ง ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ว่าจะเอาอย่างไร
สภาผู้แทนราษฎรผ่าน “ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ” ซึ่งแก้ไข “เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น” เพื่อคลายล็อกความยากของแนวทางที่นำไปสู่การ รื้อ “รัฐธรรมนูญ 2560” และเกิดกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยประชาชน
สาระในประเด็น “แก้เกณฑ์ผ่านประชามติ” ที่สภาฯ เห็นชอบ ที่สำคัญ คือ 1.ถือเอาเสียงข้างมากของผู้มาออกเสียงประชามติ และ 2.เสียงข้างมากนั้น ต้องมากกว่าคะแนน “งดออกเสียง”
ความน่าสนใจในเนื้อหาที่แก้ไขโดยคณะกรรมาธิการฯ ของสภาฯ ซึ่งมี “วุฒิสาร ตันไชย” นักวิชาการจากสถาบันพระปกเกล้า เป็นประธาน คือ การเปิดช่องให้ผู้มาออกเสียงประชามติมีทางออก นอกจากจะใช้สิทธิแค่ 2 ตัวเลือกคือ เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยเท่านั้น ยังมีช่อง “งดออกเสียง” หากเห็นว่า ในแง่มุมเรื่องที่ออกเสียงประชามตินั้น ยังมีรายละเอียดที่เห็นต่าง
เช่น ในกรณีของการตั้งคำถามประชามติ ที่กำหนดเงื่อนไข ห้ามแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2
ขั้นตอนหลังจากที่ “สภาฯ” เห็นชอบแล้ว จะเข้าสู่การพิจารณาของ “วุฒิสภา”ตามไทม์ไลน์ของการแก้ไข “พ.ร.บ.ประชามติ” คาดว่าจะแล้วเสร็จและบังคับใช้ได้ภายในเดือนพ.ย.นี้ ก่อนที่จะนำไปสู่การออกเสียงประชามติ ในเดือนก.พ.2568 ในห้วงเดียวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น
ทว่า ในไทม์ไลน์ที่เซตไว้ โดย “คณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ 2560” ที่มี “ภูมิธรรม เวชยชัย” นั่งเป็นประธาน อาจต้องทบทวนใหม่ รวมไปถึง “คำถามประชามติ” ที่ขีดเงื่อนไข “ไม่แก้หมวด 1 และหมวด 2” ซึ่งเป็นคำถามตามนโยบายรัฐบาลเพื่อไทย ในยุคนายกฯ เศรษฐา
เนื่องจากมีปัจจัยของการ “เปลี่ยนตัวนายกฯ” และเงื่อนไขของการร่วมรัฐบาล รวมถึงนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล สู่ “นโยบายรัฐบาล” ที่เตรียมแถลงต่อรัฐสภาเร็วๆ นี้
ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลังจากที่ “เศรษฐา ทวีสิน” ถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ทำให้นโยบายตามคำแถลงต่อรัฐสภา ต้องรอคำยืนยันว่า “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ คนใหม่ จะหยิบนโยบายใดมาประกาศเป็นนโยบายเร่งด่วนต่อเนื่อง
ทว่า กว่าที่จะได้เห็นคำแถลงนโยบายของ รัฐบาล-แพทองธาร ต่อเรื่องแก้รัฐธรรมนูญที่ชัดเจน ขณะนี้มีการส่งสัญญาณออกมาจาก “พรรคเพื่อไทย” ในการอภิปรายต่อที่ประชุมสภาฯ เมื่อ 21 ส.ค.67 ที่บอกกลายๆ ถึงจุดยืนที่จะเดินหน้าต่อไปอย่างไรในห้วงเวลาหลังจากนี้
ตามการอภิปรายของ “ขัตติยา สวัสดิผล” สส.บัญชีรายชื่อ เป็นตัวแทนของพรรค อภิปรายต่อที่ประชุมสภาฯ ไว้ตอนหนึ่ง ระบุว่า การแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ คือกุญแจดอกแรกที่จะทำให้ประเทศไทยพ้นกับดักความสิ้นหวัง
โดย 1 ทศวรรษ มีประจักษ์พยาน 3 เหตุการณ์ คือ 1.ยุบพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 2.สั่งให้เศษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกฯ และ 3.เป็นคำถามที่นายกฯ คนใหม่ แพทองธาร เผชิญภายหลังรับตำแหน่งคือ กังวลต่อการซ้ำรอยหลุดจากตำแหน่ง ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าการเมือง ไร้เสถียรภาพ ไม่แน่นอน และต่อเนื่องในการบริหารประเทศ และฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติถูกสั่นคลอน
“วิกฤติที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความบังเอิญ แต่มีมูลเหตุมาจากรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ประชาชนส่วนใหญ่มีฉันทามติว่า เป็นต้นตอปัญหา ดังนั้นการผลักดันยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยประชาชน เพื่อประชาชน เป็นโจทย์สำคัญของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ต้องทำให้เกิดขึ้นจริงใน 4 ปี ตามสัญญาที่ให้ไว้ และปลดล็อกประเทศไทยให้พ้นจากความไร้เสถียรภาพทางการเมือง” ขัตติยา ระบุ ขณะที่ตัวแทน สส.เพื่อไทยคนอื่นๆ หนุนเสริมเรื่องนี้เช่นกัน
บ่งชี้ให้เห็นถึง “ธงนำ” ของพรรคเพื่อไทย ต่อการ “รีเซต”กติกาสูงสุดของประเทศ ที่รอบนี้อาจได้เห็นการขยับตัวบนเงื่อนไขด้านเวลา ที่กระชับเกมเร็ว แทนยื้อเวลา เนื่องจากมีชะตา และอนาคตการเมืองของ นายกฯ แพทองธารเป็นเดิมพัน
ท่าทีเพื่อไทย หลายปัจจัยเวลานี้ ต้องเร่งถางเสี้ยนหนาม เพื่อปกป้อง “นายน้อย” ฐานะนายกฯ หญิงคนที่ 2 ของตระกูลชินวัตร ไม่ให้ถูก “กลเกมในรัฐธรรมนูญ” เล่นงาน โดยเฉพาะความเสี่ยงถูกถอดถอนซ้ำรอยเศรษฐา ทวีสิน
ต้องจับตานโยบายเพื่อไทยที่อาจเปลี่ยนเป็นเกมเร็ว เพื่อหวังรื้อเดดล็อก แต่อาจไม่ง่าย เพราะเกมชิงอำนาจนี้ อาจมี “บางฝ่าย” รอวัน “ทุบ” ครั้งใหญ่ และไม่แน่ เกมนี้อาจพลิกผัน มีบทลงเอย กลายเป็นศึก “ล้างบางทั้งโคตร” ก็เป็นได้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







