แก้ระบบเลือกตั้ง รวบ 500 สส.เขต รื้อรัฐธรรมนูญโละ 'สส.ปาร์ตี้ลิสต์'

แก้ระบบเลือกตั้ง รวบ 500 สส.เขต รื้อรัฐธรรมนูญโละ 'สส.ปาร์ตี้ลิสต์'

รื้อรัฐธรรมนูญโละ 'สส.ปาร์ตี้ลิสต์' วัดใจแก้ระบบเลือกตั้ง รวบ 500 สส.เขต ระบบเดียว แก้เกมกระแส - ลดเก้าอี้ สส. คุมกำเนิด “ขุนพลสีส้ม”

KEY POINTS :

  • "บิ๊กเนม" หน้าฉาก-หลังฉาก ไม่หยุดคิดเกมเอาชนะ "ขุนพลสีส้ม" ในการเลือกตั้งปี 2570 เพราะกระแสสีส้มยังแรงดีไม่มีตก
  • จึงมีแนวคิดแก้ รัฐธรรมนูญ 60 โดยใช้กลไกแก้รายมาตรา โฟกัสระบบเลือกตั้งให้เหลือเพียง สส. เขต 500 ที่นั่ง โละทิ้ง สส. บัญชีรายชื่อ
  • เนื่องจากความนิยมของ "กระแสสีส้ม" ยังพุ่งปรี๊ด มีโอกาสกวาด สส. บัญชีรายชื่อ เกินครึ่ง หากเหลือเพียง สส. เขต ยังมีโอกาสบริหารจัดการคะแนนเลือกตั้งได้

แก้ระบบเลือกตั้ง รวบ 500 สส.เขต รื้อรัฐธรรมนูญโละ \'สส.ปาร์ตี้ลิสต์\'

โจทย์ใหญ่ของ “ซูเปอร์บิ๊ก” ขั้วรัฐบาล ทั้งคนในเกม-คนนอกเกม คือ การวางยุทธศาสตร์เอาชนะ “กระแสสีส้ม” ในการเลือกตั้งปี 2570 รวมถึงการเลือกตั้งในทุกครั้งนับจากนี้ไป

เนื่องจาก “ขุนพลสีส้ม” ทั้งคนหน้าฉาก-คนหลังฉาก ยากที่การคอนโทรลให้เดินตามเกม เพราะมีจุดมุ่งหมายรื้อโครงสร้างอำนาจทั้งระบบ ทำให้ “อนุรักษนิยม-ขุนทหาร” หวาดระแวง “ขุนพลสีส้ม” เป็นอย่างมาก แผนการเอาชนะ “พรรคก้าวไกล” จึงถูกคิดค้น พร้อมวางระบบให้แยบยลที่สุด

ล่าสุด คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ออกมาเผยแผนลับว่า มีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ สส. มีที่มาจากระบบเขตทั้งหมด 500 ที่นั่ง ตัดระบบ สส. บัญชีรายชื่อ ออกไปทั้งหมด โดยอ้างอิงข้อมูลจากเพื่อนฝูงใน “พรรคเพื่อไทย”

แม้ขั้นตอนการแก้รัฐธรรมนูญยังไปไม่ถึงไหน เนื่องจาก “เพื่อไทย” พยายามเสนอแก้รัฐธรรมนูญ ม.256 เปิดทางให้มี สสร. แต่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีวินิจฉัยให้ทำประชามติสอบถามประชาชนก่อนว่าต้องการให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และขั้นตอนการทำประชามติยังไม่เริ่ม ฉะนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับยากที่จะยากเสร็จในเทอมสภาฯ ชุดปัจจุบัน

ทว่าเกมของ “ขั้วอำนาจ” ในการสกัด “ก้าวไกล-กระแสสีส้ม” ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มี สส. 500 ที่นั่ง มาจาก สส. เขต ทั้งหมด อาจจะต้องใช้วิธีการแก้ไขรายมาตราในสภาฯ โดยมีโมเดลแก้ไขบัตรเลือกตั้ง จากบัตรใบเดียว เป็นบัตรสองใบ มาใช้ โดยใช้ระยะเวลาดำเนินการไม่ถึงหนึ่งปี

อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งบัตรสองใบ ให้มีการเลือกพรรคการเมือง เพื่อให้ได้ สส. บัตรรายชื่อ มีที่มาจากรัฐธรรมนูญ 2540 โดยให้มี สส. เขต 400 ที่นั่ง และ สส.บัญชีรายชื่อ 100 ที่นั่ง ใช้ครั้งแรกใน การเลือกตั้ง 2544

โดยพรรคไทยรักไทยได้ 248 ที่นั่ง สส. เขต 200 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 48 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ได้ 128 ที่นั่ง สส. เขต 98 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 31 ที่นั่ง จะเห็นได้ว่าพรรคไทยรักไทย ได้รับความนิยมสูงลิบ กวาด สส. บัญชีรายชื่อเกือบครึ่ง ทำให้จำนวนรวม สส. ทิ้งห่างพรรคประชาธิปัตย์

เช่นเดียวกับผล การเลือกตั้งปี 2548 พรรคไทยรักไทยได้ สส. 377 ที่นั่ง สส. เขต 310 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 67 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ได้ สส. 96 ที่นั่ง สส. เขต 70 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 26 ที่นั่ง แม้พรรคไทยรักไทยจะได้ สส. เขต จำนวนมาก แต่การได้ สส. บัญรายชื่อ ซึ่งเป็นคะแนนนิยมของพรรคมาเพิ่มเติม ทำให้มีที่นั่งในสภาฯ มากเป็นประวัติการณ์

แก้ระบบเลือกตั้ง รวบ 500 สส.เขต รื้อรัฐธรรมนูญโละ \'สส.ปาร์ตี้ลิสต์\'

รัฐธรรมนูญ 2550 ยังใช้ระบบเลือกตั้งแบบผสม โดยให้มี สส. เขต 400 ที่นั่ง เปลี่ยนจาก เขตเดียวคนเดียว กลับไปใช้ เขตเดียวหลายคน แต่ สส.บัญชีรายชื่อ ลดเหลือ 80 ที่นั่ง โดยเปลี่ยนจากเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ เป็นเขตเลือกตั้งภูมิภาค เรียกชื่อว่าระบบสัดส่วน โดยแบ่งประเทศไทยออกเป็น 8 กลุ่มจังหวัด แต่ละกลุ่มมี สส. ได้ 10 ที่นั่ง

ผล การเลือกตั้งปี 2550 พรรคพลังประชาชน ได้ 233 ที่นั่ง สส. เขต 199 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 34 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ได้ 165 ที่นั่ง สส. เขต 132 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 33 ที่นั่ง

การเลือกตั้งปี 2554 มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา สส. แต่ยังใช้บัตรสองใบเหมือนเดิม โดยให้มี สส. 375 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 125 ที่นั่ง

แก้ระบบเลือกตั้ง รวบ 500 สส.เขต รื้อรัฐธรรมนูญโละ \'สส.ปาร์ตี้ลิสต์\'

ผลการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยได้ สส. 265 ที่นั่ง สส. เขต 204 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 61 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ได้ สส. 159 ที่นั่ง สส. เขต 115 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 44 ที่นั่ง

เมื่อไล่มาตั้งแต่ปี 2544-2554 พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคในเครือของ “ตระกูลชินวัตร” ได้รับความนิยมจากประชาชนสูง จึงครองความยิ่งใหญ่มาโดยตลอด

จนกระทั่ง รัฐธรรมนูญ 2560 เปลี่ยนมาใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว แบ่ง สส. เขต 350 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 150 ที่นั่ง พร้อมสูตรคำนวณ สส. บัญชีรายชื่อ แบบพิสดาร หากได้ สส. เขต เกินสูตรคำนวณแล้วจะไม่ได้ สส. บัญชีรายชื่อ

ส่งผลให้ การเลือกตั้งปี 2562 พรรคเพื่อไทย ซึ่งได้ สส. เขต 136 ที่นั่ง กลับไม่ได้ สส. บัญชีรายชื่อแม้แต่ที่นั่งเดียว พรรคพลังประชารัฐได้ สส. 116 ที่นั่ง สส. เขต 97 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 19 ที่นั่ง พรรคอนาคตใหม่ได้ สส. 81 ที่นั่ง สส. เขต 31 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 50 ที่นั่ง

แก้ระบบเลือกตั้ง รวบ 500 สส.เขต รื้อรัฐธรรมนูญโละ \'สส.ปาร์ตี้ลิสต์\' อย่างไรก็ตาม ใน การเลือกตั้งปี 2566 มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 กลับมาใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ กำหนดให้มี สส. เขต 400 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 100 ที่นั่ง

โดยผลการเลือกตั้งพรรคก้าวไกลได้ สส. 151 ที่นั่ง สส. เขต 112 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 39 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทยได้ สส. 141 ที่นั่ง สส. เขต 112 ที่นั่ง สส. บัญชีรายชื่อ 29 ที่นั่ง

ผลการเลือกตั้งปี 2566 สะท้อนให้เห็นชัดว่าความนิยมของ “ก้าวไกล” พุ่งสูงกว่า “เพื่อไทย” อย่างเห็นได้ชัด จำนวน สส. เขต ได้เท่ากัน แพ้ชนะกันที่ สส. บัญชีรายชื่อ

เมื่อไล่ดูสถิติการเลือกตั้งบัตรสองใบ ทั้ง สส. เขต และ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคการเมืองที่มีกระแสนิยมพุ่งสูงจะมีความได้เปรียบ และมีโอกาสกวาดเก้าอี้ สส. บัญชีรายชื่อ จำนวนมาก จนทำให้เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง

จึงไม่แปลกที่มี “บิ๊กเนม” คิดกำหนดเกมให้การเลือกตั้งปี 2570 มีเพียง สส. เขต 500 ที่นั่ง ตัด สส. บัญชีรายชื่อ ออกไป เพื่อคุมกำเนิด “ก้าวไกล-กระแสสีส้ม”

ที่สำคัญ “บิ๊กเนม” รู้ดีว่าจุดอ่อนของ “ก้าวไกล-กระแสสีส้ม” อยู่ที่คะแนนจัดตั้ง หากมีการวางระบบอย่างดี โอกาสที่คว้าชัยในเกม สส. เขต มีสูง

แก้ระบบเลือกตั้ง รวบ 500 สส.เขต รื้อรัฐธรรมนูญโละ \'สส.ปาร์ตี้ลิสต์\'

ว่ากันว่า “เบอร์หนึ่งบ้านจันทร์” วางเกมตรึง “บ้านใหญ่” เพราะรู้ว่าความนิยมของ “เพื่อไทย” ไม่สามารถต่อกรกับ “ก้าวไกล-กระแสสีส้ม” ได้ จึงจำเป็นต้องเดินเกมรวบรวม “ซุ้มการเมือง” เก็บคะแนนพวกฐานเสียงเข้มแข็งเอาไว้สู้ศึก

โดย “นายกฯ เศรษฐา” ปฏิเสธเสียงแข็งว่ากลเกม 500 สส. เขต ไม่ได้อยู่ในวาระของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าเกิดจะทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็ต้องมีการพูดคุยกันในพรรคของเราเอง

แตกต่างจาก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แม้การเปลี่ยนเกมระบบเลือกตั้งจะเป็นเพียงกระแสข่าว แต่เจ้าตัวมั่นใจว่า “ก้าวไกล” พร้อมสู้ทุกสมรภูมิ เพราะเคยชนะในเกมที่คู่แข่งดีไซน์มาทุกสนาม

หลังจากนี้จับตาว่า “บิ๊กเนม” ขั้วรัฐบาล จะเอาจริงกับการเปลี่ยนระบบเลือกตั้ง พาประเทศไทยย้อนยุคกลับไปสู่ สส. เขต เพียงระบบเดียวหรือไม่ เพราะหากยังมี สส. บัญชีรายชื่อ ย่อมเสี่ยงที่จะโดน “พายุสีส้ม” พัดถล่มราบคาบ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์