เพื่อไทย-ก้าวไกลชิงเวทีสภาฯ วัดกำลัง ‘ทีมหลังบ้าน’ปั้น สส.

การขับเคลื่อนของ “เพื่อไทย” เพื่อสร้าง สส. ให้มีพื้นที่ผ่าน PTP Academy น่าจับตาว่าจะสามารถกระตุ้นความนิยมให้กลับคืนมาได้มากน้อยเพียงใด แตกต่างจาก “ก้าวไกล” ที่ยึดหัวหาดโชว์ผลงานผ่านเวทีสภาฯมาก่อนแล้ว แต่ก็มีบทพิสูจน์ว่าจะรักษามาตรฐานไว้ได้หรือไม่
KEY POINTS :
- พรรคการเมืองกลับมาให้ความสำคัญกับเวทีสภาฯมากขึ้น หลัง "ก้าวไกล" ใช้สร้างผลงานจนได้รับคะแนนนิยม
- "เพื่อไทย" ภายใต้การนำของ "แพทองธาร-สรวงศ์" เข้ามารื้อระบบสร้างคน-สร้างผลงานใหม่ เน้นปั้น สส. ให้มีผลงานเชิงประจักษ์ ทั้งวาระส่วนตัว และวาระงานสภาฯ
- จับตา "ทีมเพื่อไทย" กำลังปั้นคนรุกคืบพื้นที่สีส้ม ส่วนจะทำสำเร็จหรือไม่วัดฝีมือ "แพทองธาร-สรวงศ์" ด้าน "ก้าวไกล" มีการบ้านที่ต้องรักษาจุดแข็งของตัวเองเอาไว้เช่นกัน
โมเดลการปั้น สส. เป็นดาวเด่นในสภาฯ ก่อนต่อยอดมาเฉิดฉายตามหน้าสื่อ เพื่อสร้างความนิยมให้พรรคการเมือง มักจะถูกใช้ในเวทีอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณ และอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นงานโชว์
สูตรความสำเร็จของ “พรรคก้าวไกล” จากเวทีสภาฯ การอภิปรายและการเสนอกฎหมายก้าวหน้า สร้างกระแสให้ “ขุนพลสีส้ม” จนกลายเป็นที่จดจำ ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในฝ่ายบริหาร ส่งผลให้พรรคการเมืองอื่น เริ่มหันกลับมาให้ความสำคัญกับงานสภาฯ
เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ “สรวงศ์ เทียนทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขับเคลื่อนงานหลังบ้าน สร้างทีม PTP Academy คอยติวเข้ม สส. ในทุกมิติ
เบื้องต้นวาง 2 แนวทางขับเคลื่อนร่วมกับ สส. 1. เปิดพื้นที่ให้ สส. ผลักดันนโยบายส่วนตัว ซึ่งมีความถนัดอยู่แล้ว ก่อนจะสื่อสารให้เป็นวาระของสังคม 2. ทีม PTP Academy และ สส. จะช่วยกันขับเคลื่อนการทำงานในสภาฯ
โดยในศึกอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณปี 68 ทีม PTP Academy ผนึกกำลังกับ สส. โดยตัว สส. จะรู้ว่าตัวเองจะได้อภิปรายก่อนล่วงหน้า 10 วัน เพื่อเตรียมตัว-เตรียมข้อมูล โดยก่อนหน้านี้มีกระบวนการหารือกันมาก่อนแล้วว่าใครจะอภิปรายในประเด็นใด
ขณะเดียวกันมีคิดประเด็นการอภิปราย โดยเปิดปม ‘ปลดพันธการ 6 ด้าน’ ตอบสนอง 142 ประเด็นนโยบาย เป็นตัวชูโรง เตรียมผู้อภิปรายสนับสนุนกว่า 22 คน
สำหรับขุนพลอภิปรายเน้นสร้างคนรุ่นใหม่ ลับคมคนรุ่นเก่า เพื่อผสมผสานให้มีหลากหลายทางเนื้อหา และวาทะกรรมเฉือดเฉือนทางการเมือง
โดยผู้อภิปราย ประกอบด้วย “วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์” งบฯสำนักนายกฯ “รัฐ คลังแสง” งบฯกลาโหม “ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์” งบฯกระทรวงศึกษาธิการ “ธนาธร โล่สุนทร” งบฯกระทรวงการคลัง “นพดล ปัทมะ” งบฯกระทรวงการต่างประเทศ
“สกุณา สาระนันท์” งบฯกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “กิตติ์ธัญญา วาจาดี” งบฯกระทรวงมหาดไทย “รวี เล็กอุทัย” งบฯกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม “ณพล เชยคำแหง” งบฯกระทรวงยุติธรรม “ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์” งบฯกทม. เป็นต้น
โดยหลังเสร็จการอภิปราย “แพทองธาร-สรวงศ์” จะสรุปบทเรียน เพื่อพัฒนาทีม PTP Academy - สส. เพื่อไทย ให้เดินควบคู่กันไป เพื่อช่วยกันสร้างความแข็งแกร่งให้พรรคเพื่อไทย
สำหรับพรรคก้าวไกล มีการคัดเลือกผู้ที่จะมาอภิปรายจำนวนกว่า 30 คน แต่ละคนก็จะได้รับผิดชอบในประเด็นที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้ครอบคลุมปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม มีหัวข้อใหญ่แบ่งเป็นสองด้าน
ด้านแรก จะเป็นการชี้ให้เห็นว่าทำไมงบประมาณฯ 68 ที่รัฐบาลจัดสรร ไม่ตอบโจทย์กับอนาคตของประเทศ แต่กลายเป็นการจัดสรรที่เบียดบังทุกส่วน เพื่อทุ่มให้กับการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
ด้านที่สอง ฉายภาพให้เห็นว่า หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะจัดสรรงบให้ดีกว่านี้ได้อย่างไร เพื่อระเบิดศักยภาพของประเทศ และสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนจับต้องได้ ล้อไปตาม 6 Bigbang ภารกิจเชิงนโยบายที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ประกาศไว้ในงาน Policy Festival
ตัวหลักยังคงเป็น “ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรค “ศิริกัญญา ตันสกุล” รองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร รังสิมันต์ โรม และณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” เป็นต้น
นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ สส.หน้าใหม่ของพรรคที่ยังไม่เคยอภิปรายมาก่อน ได้อภิปรายร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ด้วย อาทิ “สิริลภัส กองตระการ” สส.กทม. “ปรีติ เจริญศิลป์” สส.นนทบุรี “พนิดา มงคลสวัสดิ์” สส.สมุทรปราการ ซึ่งได้ชิมลางในการอภิปรายไปรอบก่อนหน้านี้แล้ว
โดยมาตรฐานของ “ก้าวไกล” มักจะคัดคน และเตรียมประเด็นการอภิปรายอย่างดีมาโดยตลอด
การขับเคลื่อนของ “เพื่อไทย” เพื่อสร้าง สส. ให้มีพื้นที่ผ่าน PTP Academy น่าจับตาว่าจะสามารถกระตุ้นความนิยมให้กลับคืนมาได้มากน้อยเพียงใด แตกต่างจาก “ก้าวไกล” ที่ยึดหัวหาดโชว์ผลงานผ่านเวทีสภาฯมาก่อนแล้ว แต่ก็มีบทพิสูจน์ว่าจะรักษามาตรฐานไว้ได้หรือไม่







