‘ครม.’ ไฟเขียว ตั้ง ‘กมธ.งบฯปี68’ ทั้งหมด 72คน

‘ครม.’ ไฟเขียว ตั้ง ‘กมธ.งบฯปี68’ ทั้งหมด 72คน

“รองโฆษกรัฐบาล” เผย ครม. มีมติเห็นชอบ ตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ ปี68 จำนวน 72 คน แบ่งเป็นโควตา ครม.18คน โควตา สส.รัฐบาล 34 คน สส.ฝ่ายค้าน 20คน

นางสาวเกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยการตั้งคณะกมธ. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 มิได้กำหนดจำนวนไว้ แนวปฏิบัติที่ผ่านมาการกำหนดจำนวนคณะกมธ. จึงเป็นไปตามมติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการประชุม วาระที่ 1 โดยในปีงบประมาณที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นคณะกรรมาธิการฯ (ปี 2545-2549, ปี 2552-2557 และปี 2563) จำนวน กมธ. อยู่ระหว่าง 63-34 ท่าน และปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2567 จำนวน 72 คน

การตั้งคณะกมธ. ในสัดส่วนคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 91 วรรคสอง กำหนดไว้ว่า การเลือกตั้งคณะกมธ.วิสามัญให้ตั้งจากบุคคลที่คณะรัฐมนตรีเสนอชื่อมีจำนวนไม่เกินหนึ่งในสี่ของจำนวนกรรมาธิการทั้งหมด จำนวนนอกจากนั้นให้ที่ประชุมเลือกจากรายชื่อที่สมาชิกเสนอ โดยให้มีจำนวนตามหรือใกล้เคียงกับอัตราส่วนของจำนวนสมาชิกของแต่ละพรรคการเมืองที่มีอยู่ในสภา

ทางสำนักงบประมาณพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติที่ผ่านมาเกี่ยวกับการตั้งคณะกมธ. และเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 91 วรรคสอง จึงขอเสนอแนวทางเกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 72 คน เท่ากับจำนวนที่มติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2567 โดยกำหนดสัดส่วนของคณะกรรมาธิการฯ ดังนี้

กมธ.ที่คณะรัฐมนตรีเสนอชื่อ จำนวน 18 คน จำนวนไม่เกินหนึ่งในสี่ของจำนวนคณะกมธ. เห็นสมควรให้คณะรัฐมนตรีพิจารณากำหนดตามความเหมาะสมต่อไป 

กมธ. ในสัดส่วนพรรคการเมือง จำนวน 54 คน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (สำนักการประชุม) ได้ประสานและแจ้งแนวทางการกำหนดสัดส่วนกมธ. แบ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาล จำนวน 34 คน และสมาชิกผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน จำนวน 20 คน ซึ่งจะมีการคัดเลือกตามกระบวนการของฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป

ทั้งนี้ การตั้งกมธ. สืบเนื่องจาก ครม.มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วงเงิน 3,752,700 ล้านบาท