พรรคส้ม ‘สวนหมัด’ ศาล รธน. ฉากรบสุดท้าย ‘ยุบก้าวไกล’ ?

เพียงแต่สถานการณ์การเมืองตอนนี้ “ก้าวไกล” ถูกมองว่าเป็น “มวยรอง” และกำลังถูก “รุกฆาต” จนแต้มบนกระดานการเมือง ดังนั้นสถานการณ์ตอนนี้จึงเหมือนเป็นการท้ารบครั้งสุดท้ายในนามพรรคที่ชื่อ “ก้าวไกล”จำเป็นต้องใส่คืนทุกหยด
KEY
POINTS
- “ก้าวไกล” น่าจะเป็นพรรคการเมืองเดียวที่เคยถูกศาลรัฐธรรมนูญส่งสัญญาณเตือนหลายครั้งเรื่องให้ความเห็นกระทบรูปคดี
- นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “ก้าวไกล” เคยโดน แต่ในคดีหุ้นไอทีวี “พิธา” ก็เคยถูกเตือนมาแล้ว
- ศาลรัฐธรรมนูญ ถูกฝ่ายสีส้มมองว่าคือตัวแทน “อนุรักษนิยม” จึงจำเป็นต้องถูกรื้อสร้าง
- แม้แต่ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ที่ชำแหละคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ยังเคยออกปากว่า “สมควรยุบทิ้ง” มาแล้ว
- จับตาการท้ารบครั้งสุดท้าย 9 มิ.ย.แถลงชี้แจงแนวทางสู้คดียุบพรรค จะหลุดวาทกรรมกระทบชิ่งศาลหรือไม่
เป็นอีกครั้งที่ “พรรคก้าวไกล” ถูกศาลรัฐธรรมนูญออก“คำเตือน” ถึงการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการวินิจฉัยคดีร้อนที่อยู่ในมือของศาล และไม่ใช่ “ครั้งแรก”ที่“พรรคส้ม” ถูกศาลออกมาเตือนผ่านเอกสารข่าว เพราะก่อนหน้านี้ ใน“คดีหุ้นไอทีวี” ที่กล่าวหา “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แกนนำพรรค ก็เคยถูกศาลเตือนมาแล้วเช่นกัน
โดยกรณีของ “พิธา” ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ขอแจ้งต่อคู่กรณีว่า การที่ไปแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีในสื่อต่างๆ นั้น ถือว่าเป็นการไม่สมควร และไม่เหมาะสม เพราะการแสดงความคิดเห็นไม่ว่าจะบวกหรือลบเกี่ยวกับคดี ก่อนศาลจะวินิจฉัย อาจจะเป็นการชี้นำ เป็นการกดดันศาล เพราะฉะนั้นการกระทำนี้ จึงถือว่าไม่เหมาะสม จึงขอเตือนไว้ด้วย
ก่อนที่จะอ่านคำวินิจฉัยโดยมติเสียงข้างมาก 8 : 1 เสียง ชี้ว่าการถือครองหุ้นไอทีวีของ “พิธา” มิใช่ “หุ้นสื่อ” ทำให้คัมแบ็กกลับคืนสภาฯได้สำเร็จช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา
ส่วนคดียุบพรรคที่สืบเนื่องจากการเคยยื่นแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยให้ “พิธา-ก้าวไกล” ยุติการกระทำดังกล่าวไปก่อนหน้านี้
ล่าสุด ในเอกสารนัดหมายการพิจารณาในวันที่ 12 มิ.ย.2567 ที่จะถึงนี้ ศาลระบุ “คำเตือน” ไว้ตอนท้ายว่า ก่อนศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย คู่กรณีไม่สมควรแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีที่เป็นการชี้นำสังคม อันอาจกระทบต่อการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล
ประเด็นที่น่าสนใจ ในสารพัดคดีทางการเมืองที่ผ่านการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แทบจะมีอยู่พรรคการเมือง หรือกลุ่มบุคคลเดียวที่ถูกศาลเตือน นั่นคือ “ก้าวไกล” เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า บุคคลระดับ “แกนนำพรรค” ค่อนข้างจะให้ข่าวในลักษณะ “มั่นใจ” ในการกระทำของตัวเองว่าไม่ผิด พร้อมกับโทษไปยัง “โครงสร้างทางการเมือง” โดยไม่รอคำวินิจฉัยของศาลให้เสร็จสิ้นกระบวนความเสียก่อน
กรณี ล่าสุดก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะเตือนก้าวไกลเรื่องนี้ น่าจะมาจากคำให้สัมภาษณ์ของ “ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ให้สัมภาษณ์แนวทางการต่อสู้คดียุบพรรคตอนหนึ่งว่า "เรื่องนี้เป็นการต่อสู้ในทางกฎหมาย และข้อเท็จจริง เราทำให้เต็มที่ แต่ถึงที่สุดแล้ว คิดว่าเราทราบดีว่า สุดท้ายคำวินิจฉัยที่จะออกมานั้น ไม่ได้เป็นเหตุผลในทางกฎหมายอย่างเดียว มันมีเหตุผลทางการเมือง มีปัจจัยทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มากน้อยแค่ไหนก็แล้วแต่กรณี กรณีคดียุบพรรคก้าวไกลนั้น คิดว่าทุกคนทราบว่า อาจเป็นปัจจัยทางการเมืองเกือบทั้งหมดด้วยซ้ำ"
นอกจากนี้ “พริษฐ์ วัชรสินธุ” โฆษกพรรคก้าวไกล ยังยืนยันจะแถลงแนวทางการต่อสู้คดียุบพรรคของก้าวไกล ในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ ซึ่งที่ผ่านมาพรรคการเมือง หรือกลุ่มบุคคลที่เคยถูกกล่าวหา ไม่เคยแถลงถึงแนวทางการต่อสู้คดีใด ๆ ก่อนหน้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาก่อน
ทั้งนี้ “คีย์เวิร์ดสำคัญ” ที่ทำให้ศาลจำเป็นต้องเตือน น่าจะมาจากคำพูดของ “ชัยธวัช” ที่บอกว่ามี “ปัจจัยการเมือง” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ถือว่าค่อนข้าง “ล้ำเส้น” กระบวนการพิจารณาในศาลเป็นอย่างมาก จึงไม่แปลกที่ศาลจะต้องออกคำเตือนดัง ๆ ส่งสัญญาณไปยัง “พรรคส้ม” อีกครั้ง
ทว่า คำเตือนดังกล่าว “พรรคก้าวไกล” หาได้เก็บมาใส่ใจไม่ เพราะยังยืนยันจะแถลงถึงแนวทางการต่อสู้คดีในวันที่ 9 มิ.ย.เช่นเดิม
โดย “พริษฐ์” ยืนยันว่า จะแถลงในวันดังกล่าว ยืนยันกับพี่น้องประชาชนและศาลรัฐธรรมนูญว่า การแถลงของเราในวันนั้น ไม่ได้เป็นการกดดันศาล หรือชี้นำความคิดอะไร เป็นเพียงแค่การยืนยันและอธิบายกับพี่น้องประชาชน ที่อาจจะมีคำถามถึงแนวทางการต่อสู้คดีของพรรค รวมถึงเอกสารที่เราใช้ประกอบการแถลง ก็ไม่ได้เป็นเอกสารลับอะไร แต่เป็นเอกสารที่เรายื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ
“ยืนยันว่าเดินหน้าต่อ และอยากให้ความสบายใจกับพี่น้องประชาชน และศาลรัฐธรรมนูญว่า เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์จะไปกดดันหรือชี้นำสังคมในทางใดทางหนึ่ง” พริษฐ์ กล่าว
ท่าทีของ “ก้าวไกล” ดังกล่าว ดูจะเป็นเรื่องปกติ ด้วยลักษณะพรรคการเมือง “ฝ่ายซ้าย” ที่ต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างการเมือง-อำนาจนอกระบบ และแน่นอนว่า “ศาลรัฐธรรมนูญ” คือหนึ่งในองค์กรอิสระที่เป็นเป้าหมายของพรรค ที่ต้องการเข้าไปสร้างความเปลี่ยนแปลง ให้มีความยึดโยงกับภาคประชาชน
โดยก่อนหน้านี้ “ศาสดาทางความคิด” ของพรรค อย่าง “ปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ปัจจุบันเป็นเลขาธิการคณะก้าวหน้า เคยออกมาแสดงความเห็น “ชำแหละ” คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคส้ม และประเด็นทางการเมืองอื่น ๆ บ่อยครั้ง โดยมีครั้งหนึ่งถึงขั้นออกปากว่าสมควร “ยุบศาลรัฐธรรมนูญ” ทิ้งด้วย
ท่าทีของ “ก้าวไกล” กับ “ศาลรัฐธรรมนูญ” จึงเหมือน “ไม้เบื่อไม้เมา” ที่เวลาเผชิญหน้ากันทีไร เป็นต้องมีคำมาขบเหลี่ยมเฉือนคมตลอด
เพียงแต่สถานการณ์การเมืองตอนนี้ “ก้าวไกล” ถูกมองว่าเป็น “มวยรอง” และกำลังถูก “รุกฆาต” จนแต้มบนกระดานการเมือง
ดังนั้นสถานการณ์ตอนนี้จึงเหมือนเป็นการท้ารบครั้งสุดท้ายในนามพรรคที่ชื่อ “ก้าวไกล”จำเป็นต้องใส่คืนทุกหยด
ต้องจับตาดูว่า 9 มิ.ย.ที่ “ก้าวไกล” ยังคงยืนยันจะแถลงแนวทางต่อสู้คดี จะมีการปล่อย “วาทกรรมเด็ด” อะไรออกมา แล้วกระทบชิ่งไปยังกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ และศาลรัฐธรรมนูญจะว่าอย่างไรหลังคำเตือนส่อเค้าจะไม่เป็นผล







