'บิ๊กโจ๊ก'กล่าวหา 'นายกฯ' ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ปม ให้ออกจากราชการ

'บิ๊กโจ๊ก'กล่าวหา 'นายกฯ' ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ปม ให้ออกจากราชการ

"บิ๊กโจ๊ก" กล่าวหา "นายกฯ"ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ปม ให้ออกจากราชการ ลั่นเดินหน้าสู้ต่อเรียกร้องความเป็นธรรม ชี้ กระบวนการสอบสวน ไม่ถูกต้อง เชื่อจะได้กลับมาเป็นตำรวจอีกครั้ง

22 เม.ย.2567 เมื่อเวลา 10:45 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) "บิ๊กโจ๊ก"พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นหนังสือต่อนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อร้องขอความเป็นธรรม โดยระบุว่า ขอให้ประธาน ป.ป.ช.ตรวจสอบว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบจากการแต่งตั้งพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะที่ตนเป็นผู้มีส่วนได้เสีย และการออกคำสั่งส่งตัวตนกลับ ตร.ก่อนที่รักษาการผบ.ตร.จะมีคำสั่งให้ตนออกจากราชการไว้ก่อน รวมถึงให้ขอให้ ตรวจสอบว่าการสอบสวนของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดที่ทำคดีเว็บพนันออนไลน์มีอำนาจหน้าที่โดยชอบหรือไม่ แล้วขอให้ตรวจสอบว่าหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนและ พนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ 

วันนี้จะขอต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม หลังถูกดำเนินการทางวินัยและให้ออกจากราชการเนื่องจากในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ถูกดำเนินการโดยไม่เป็นธรรม จึงจำเป็นต้องใช้สิทธิ์ในการต่อสู้บนกติกา เชื่อมั่นว่าตนจะได้กลับมาอีกครั้ง 

 

วันนี้จะไม่พูดถึงสำนวนว่าใครผิดหรือถูก มีการโอนเงินหรือไม่อย่างไร จะไม่แตะตรงนั้นเพราะว่าหากพูดไปต่างฝ่ายต่างก็มองว่าตนทำถูก ซึ่งขณะนี้ทางป.ป.ช.ก็ได้รับสำนวนไปแล้ว และผู้ที่จะชี้ถูกชี้ผิดก็คือป.ป.ช.และศาล ไม่ใช่ตนหรือพนักงานสอบสวน

ทั้งนี้อยากชี้ให้สังคมได้เห็นว่าก่อนจะเข้าไปดูในเรื่องของสำนวนตนกับลูกน้องผิดหรือถูก เราต้องมาดูก่อนว่าใครเป็นผู้มีอำนาจในการสอบสวนตัวจริง ตรงนี้มีความสำคัญ หากไม่มีอำนาจสอบสวน คุณติดคุก  

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการสอบสวนโดยไม่ชอบมีการกลั่นแกล้ง เนื่องจากไม่ให้ตนเป็น ผบ.ตร  เพราะว่าเป็นรอง ผบ.ตร.เป็น เบอร์ 1 และวันนี้ขอกล่าวหานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ แต่ไม่ขอเอ่ยว่าไม่ชอบด้วยเรื่องอะไร ซึ่งได้ยื่นเรื่องร้องเรียนนายกฯที่มีคำสั่งให้ตนกลับไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วให้ออกจากราชการ ทั้งที่ก่อนหน้ามีคำสั่งให้มาช่วยราชการที่สำนักนายกฯ และอยู่ในกระบวนการสอบสวน 60 วันและกล่าวหาหัวหน้าพนักงานสอบสวน และคณะพนักงานสอบสวนทั้งหมด ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีอำนาจ 

ตนออกจากราชการแล้ว มีเวลาในการเตรียมตัวสู้คดีเยอะ หลังจากนี้เตรียมตั้งรับให้ทันแล้วกัน

"หากผมผิดจริงผมจะออกเลย แต่ต้องสอบสวนอย่างเป็นธรรมแต่วันนี้การสอบสวนไม่เป็นธรรม ผมจึงต้องสู้" อดีต รองผบ.ตร ระบุ

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถกลับมารับราชการอีกครั้ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จะกลับไม่กลับอยู่ที่มีอำนาจที่ต้องพิจารณาว่าคำสั่งออกถูกต้องหรือไม่ วันนี้ตนต่อสู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ เพราะหากคนไม่สู้ก็คงเสียสิทธิ์ไปตลอดชีวิต ถ้าผิดจริงตนก็ยอมคง ไม่สู้ แต่นี่เป็นการสอบสวนโดยไม่เป็นธรรม

พร้อมยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการแฉเรื่องต่างๆ ก่อนหน้านี้ใครจะแฉก็แฉไป แต่ตนมาสู้ตามสิทธิ์ของตน ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วตนได้ไปยื่นขอความเป็นธรรมกับคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจเพิกถอนคำสั่งให้ตนออกจากราชการ เนื่องจากเป็นคำสั่งมิชอบ ซึ่งตอนนี้มี พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่แล้ว นายกฯ ต้องใช้อำนาจตามกฎหมาย ไม่ใช่ข้ามขั้นตอน อีกทั้งการออกคำสั่งให้ตนไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ชอบ ตนได้ยื่นขอความเป็นธรรมเช่นเดียวกัน 

เมื่อถามว่าสิ่งที่กำลังเจออยู่นี้เป็นการรุมกินโต๊ะหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สื่อยังเห็นเลยว่าเป็นการรุมกินโต๊ะ เป็นเพราะความตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมืองของตน ซึ่งผู้บังคับบัญชาต้องให้ความเป็นธรรม ไม่ใช่ไปเอากับเขาด้วย ซึ่งตนจะดำเนินการกับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนจะมีคนต้องติดคุกหรือไม่ขอให้รอติดตาม ซึ่งหลังจากนี้ก็จะออกมาเปิดเผยเรื่องการตรวจสอบวินัยร้ายแรงในอีก 2-3 วัน ก่อนทิ้งท้ายว่าตอนนี้ยังไม่คิดลงเล่นการเมือง หากไม่สามารถกลับมารับราชการได้