ระเบิดศึก ‘อ่องเซยะ’  ถล่ม ‘เมียวดี’ ปราบ ‘ทุนจีนสีเทา’ 

ระเบิดศึก ‘อ่องเซยะ’  ถล่ม ‘เมียวดี’ ปราบ ‘ทุนจีนสีเทา’ 

พื้นที่ "เมียวดี" ที่กลายเป็น สงครามต่อสู้ระหว่างคนชาติเมียนมาเดียวกัน แม้หลายฝ่ายมองว่าคือการแย่งพื้นที่ของชนชาติ ทว่า ศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น พ่วงเข้ากับ การปราบทุนจีนสีเทา

Key Point :

  • สมรภูมิที่เมียวดี ดูแล้วยังไม่มีทีท่าจบง่ายๆ เพราะผู้นำของแต่ละฝ่ายยังเจรจากันไม่ลงตัว
  • กองทัพกะเหรี่ยง KNA เป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่เศรษฐกิจในเมืองเมียวดี รวมถึงเมืองใหม่ชเวโก๊กโก่ และเมืองใหม่เคเคพาร์ค 
  • ผู้นำของ KNA คือ หม่องชิดตู่ ที่เคยอยู่ร่วมกับกองทัพเมียนมา  แต่ต่อมาแยกทางกัน
  • พื้นที่เมียวดี มีแหล่งการพนันและสแกมเมอร์ออนไลน์ ซึ่งว่ากันว่า  คือ พื้นที่อาชญากรรมไซเบอร์
  • จับตาเกมถล่มหม่องชิดตู่ ที่ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย หวังดึงจีนเข้ามาร่วมวง เพื่อกวาดล้างแก๊งสแกมเมอร์ในอาณาจักรทุนจีนสีเทา

กระบอกเสียงของกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง KNLA ประโคมข่าวว่า ยึดเมืองเมียวดี และชักธงชาติกะเหรี่ยงขึ้นสู่ยอดเสา แสดงความเป็นเจ้าของแผ่นดินกอทูเล หรือรัฐกะเหรี่ยง 

ผ่านมากว่า 2 สัปดาห์ สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง(KNU) ก็ยังประกาศชัยชนะเหนือเมืองเมียวดีไม่ได้ และกองทหาร KNLA และ PDF ยังชะลอแผนยกทัพเข้าสู่เขตตัวเมืองเมียวดี

ประการแรก ผู้ใหญ่ KNU ยังเจรจากับหม่องชิดตู่ หรือ พ.อ.ซอ ชิดตู่ ผู้นำกองทัพกะเหรี่ยงแห่งชาติ(KNA) ไม่ลงตัวหลายเรื่อง 

ที่สำคัญ กองทัพกะเหรี่ยง KNA เป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่เศรษฐกิจในเมืองเมียวดี รวมถึงเมืองใหม่ชเวโก๊กโก่ และเมืองใหม่เคเคพาร์ค

ประการที่สอง ทหารเมียนมา 200 คน ที่ถอนตัวออกจากค่ายผาซอง กองทัพ 275 ได้มาพักพลอยู่ใต้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ฝั่งเมียวดี

ระเบิดศึก ‘อ่องเซยะ’  ถล่ม ‘เมียวดี’ ปราบ ‘ทุนจีนสีเทา’  ทหารเมียนมาเหล่านั้น ไม่ยอมมอบตัวต่อทางฝ่ายกะเหรี่ยง KNA เพราะพวกเขาได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเบื้องบน ให้รอกำลังเสริมกำลังเดินทางมุ่งสู่เมืองเมียวดี

วันที่ 18 เม.ย.2567 เพจ KIC ฝ่ายสื่อสารองค์กรของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ได้แจ้งข่าวว่า กองทัพเมียนมา ได้เปิดยุทธการ ‘อ่องเซยะ’ (ชัยชนะสำเร็จ) เพื่อทวงคืนพื้นที่เมืองเมียวดี โดยเคลื่อนกำลังทหารมาตามทางหลวงเอเชียหมายเลข 1 (AH1) ออกจากเมืองมะละแหม่ง ตั้งแต่ก่อนสงกรานต์ มาเผชิญหน้ากองทัพ KNLA และ PDF อยู่ที่เชิงเขาดอนะ ห่างเมียวดีประมาณ 35 กิโลเมตร

นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผู้นำสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง ยังรีรอที่ประกาศสถาปนาอำนาจรัฐของ KNU ในเมืองเมียวดี

ระเบิดศึก ‘อ่องเซยะ’  ถล่ม ‘เมียวดี’ ปราบ ‘ทุนจีนสีเทา’  รายงานข่าวจากเพจ KIC ระบุว่า กำลังทหารเมียนมา ที่เข้าร่วมปฏิบัติการอ่องเซยะ มาจาก 3 กองพลใน 3 รัฐ ประกอบด้วย กองพลที่ 55 จากเมืองกะลอ รัฐฉานใต้, กองพลที่ 44 จากเมืองไจก์โท รัฐมอญ และกองพลที่ 22 จากเมืองผาอัน รัฐกะเหรี่ยง

พล.อ.อาวุโส โซวิน รองประธานสภาบริหารแห่งรัฐ(SAC) ผู้บัญชาการทหารบก และรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็นผู้นำหมายเลข 2 รองจาก พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย จะเป็นแม่ทัพสั่งการอยู่ในฐานบัญชาการของกองทัพภาคตะวันออกเฉียงใต้ ที่เมืองมะละแหม่ง

ว่ากันตามจริง เป้าหมายของยุทธการอ่องเซยะ ไม่ได้อยู่ที่ยึดเมืองเมียวดีคืนมา หากแต่กองทัพเมียนมา ต้องการทำสงครามสั่งสอนหม่องชิดตู่ พร้อมกองทัพ KNA

ระเบิดศึก ‘อ่องเซยะ’  ถล่ม ‘เมียวดี’ ปราบ ‘ทุนจีนสีเทา’ 

เมื่อตัวแทนรัฐบาลทหารเมียนมา ได้ติดต่อกับ พ.อ.ซอ ชิดตู่ หรือหม่องชิดตู่ ผู้บัญชาการกองทัพกะเหรี่ยงแห่งชาติ (KNA) หรือกองกำลังพิทักษ์ชายแดน BGF เดิม ให้ส่งคืนอาวุธและเครื่องกระสุนต่างๆ ที่ทหารเมียนมาเคยได้ให้ไว้กับกลุ่ม BGF ทั้งหมด

หากหม่องชิดตู่ไม่คืนคลังอาวุธ ทหารเมียนมาจะปฏิบัติการโจมตีที่ตั้งกองทัพ KNA และกาสิโนในพื้นที่เมืองใหม่ชเวโก๊กโก่-เคเคพาร์ค 

ทำไมทหารเมียนมา จึงลุกขึ้นมาทวงคืนอาวุธปืนและกระสุนจาก KNA 

คำตอบคือ ปี 2537 กองทัพกะเหรี่ยงพุทธ (DKBA) ยอมแปรสภาพเป็นกองทัพพิทักษ์ชาย แดน(BGF) สังกัดกองทัพเมียนมา 

ระเบิดศึก ‘อ่องเซยะ’  ถล่ม ‘เมียวดี’ ปราบ ‘ทุนจีนสีเทา’ 

พูดง่ายๆ ทหารกะเหรี่ยงของหม่องชิดตู่ สังกัดกองทัพเมียนมา กินเงินเดือนรัฐบาลทหารเมียนมา และทำหน้าที่รบกับกะเหรี่ยง KNLA

ต้นเดือน มี.ค.2567 หม่องชิดตู่ หรือ พ.อ.ซอ ชิดตู่ ผบ.กองพล 3 BGF รับผิดชอบเมืองเมียวดี ประกาศแยกทางกับกองทัพเมียนมา เปลี่ยนสถานะเป็นกองกำลังอิสระภายใต้ชื่อ KNA 

สาเหตุที่หม่องชิดตู่ แยกทางกับกองทัพเมียนมา เพราะเจอแรงกดดันจาก พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้สั่งการให้มีการปราบปรามแหล่งการพนันและสแกมเมอร์ออนไลน์ในพื้นที่เมืองเมียวดี 

ปี 2566 ทางการจีน มีนโยบายกวาดล้างธุรกรรมฉ้อโกงทางออน ไลน์ของแก๊งจีนเทา ที่ใช้พื้นที่ชายแดนเมียนมาเป็นแหล่งประกอบอาชญากรรมไซเบอร์ 

ระเบิดศึก ‘อ่องเซยะ’  ถล่ม ‘เมียวดี’ ปราบ ‘ทุนจีนสีเทา’ 

หม่องชิดตู่ ฉวยจังหวะที่สภาบริหารแห่งรัฐ(SAC) เพลี่ยงพล้ำทางการทหาร ประกาศแยกทางกับกองทัพเมียนมา 

น่าจับตาเกมถล่มหม่องชิดตู่เที่ยวนี้ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย คงหวังจะดึงพี่ใหญ่จีนเข้ามาร่วมวงด้วย เพื่อกวาดล้างแก๊งสแกมเมอร์ในอาณาจักรทุนจีนสีเทา

ดังนั้น สมรภูมิรบใหญ่ในเวลาอันใกลนี้คือ เมืองใหม่ชเวโก๊กโก่(Shwe Kokko) ซึ่งอยู่ตรงข้าม อ.แม่ระมาด และ อ.แม่สอด จ.ตาก ห่างจากสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 ขึ้นไปทางเหนือประมาณ 20 กิโลเมตร 

ระเบิดศึก ‘อ่องเซยะ’  ถล่ม ‘เมียวดี’ ปราบ ‘ทุนจีนสีเทา’ 
พร้อมกับเมืองเคเค พาร์ค (KK Park) อยู่ในพื้นที่ควบคุมของกองทัพกะเหรี่ยง KNA ของ พ.อ.เต่งวิน รอง ผบ.KNA ซึ่งเมืองใหม่แห่งนี้อยู่ตรงข้ามกับ ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก

กองทัพเมียนมา คงจะสร้างความชอบธรรม ด้วยการบุกอาณาจักรทุนจีนสีเทา  ที่อยู่ในการควบคุมของหม่องชิดตู่ พ่วงกับยึดพื้นที่เมืองเมียวดีคืนมาจากฝ่ายต่อต้าน

สัญญาณรบครั้งใหญ่ใกล้มาแล้ว ไทยเราคงต้องเตรียมเปิดรับผู้ลี้ภัยสงคราม ไม่เฉพาะชาวกะเหรี่ยง หากแต่ยังรวมถึงชาวจีน และอีกหลายชาติที่ทำงานอยู่ในเมืองใหม่ทั้งสองแห่ง

สงครามสั่งสอนกะเหรี่ยง KNA และทุนจีนสีเทา จะยืดเยื้อไปอีกกี่วันกี่เดือน ไม่มีใครคาดเดาได้ เพราะศึกนี้มีขุมทรัพย์แสนล้านเป็นเดิมพัน.