4ปีปักธง‘เศรษฐกิจสีเทา’ทำได้-ขายฝัน? ผ่าแหล่งรายได้ ‘กาสิโน’ถูกกฎหมาย

4ปีปักธง‘เศรษฐกิจสีเทา’ทำได้-ขายฝัน?  ผ่าแหล่งรายได้ ‘กาสิโน’ถูกกฎหมาย

จับสัญญาณโรดแมพ4ปีปักธง"เศรษฐกิจสีเทา" เดิมพันรัฐบาลเพื่อไทยทำได้-ขายฝัน?  เทียบ“สิงคโปร์โมเดล” -ถอดบทเรียน“สีหนุวิลล์” 

KEY

POINTS

  • เดิมพัน4ปี   “เศรษฐกิจสีเทา” ในมือรัฐบาลเพื่อไทยทำได้-ขายฝัน?  
  • เศรษฐกิจชะลอตัว-ภูมิรัฐศาสตร์ “เศรษฐกิจสีเทา”  โอกาสไทย?
  •  เทียบ“สิงคโปร์โมเดล” -ถอดบทเรียน“สีหนุวิลล์” 

จับสัญญาณโรดแมพ4ปีปักธง"เศรษฐกิจสีเทา" เดิมพันรัฐบาลเพื่อไทยทำได้-ขายฝัน?  เทียบ“สิงคโปร์โมเดล” -ถอดบทเรียน“สีหนุวิลล์” 

หลังที่ประชุมสภาผู้แทนผู้แทนราษฎร เมื่อช่วงค่ำวันที่28มี.ค.ที่ผ่านมา  มีมติ253 เสียง เห็นชอบ “รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ”   หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “รายงานกาสิโน”  ซึ่งกมธ.ศึกษาฯ ที่มี “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง เป็นประธานได้พิจารณาเสร็จสิ้น

เช็กสัญญาณจากฟากฝั่งต่างๆเวลานี้ยังคงแตกออกเป็น2แนวทาง ฝั่ง “ผู้สนับสนุน” มองบวกในแง่ของโอกาสในการสร้างรายได้ การกระตุ้นการจ้างงาน รวมถึงจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ให้ประเทศ 

 โดยเฉพาะท่าทีจาก “เศรษฐา ทวีสิน”  นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ที่พูดในวันเดียวกันกับที่สภาฯพิจารณาในเรื่องดังกล่าว มองว่า  ประเด็นดังกล่าวไม่อยากให้มองว่า เป็นเรื่องกฎหมายกาสิโน แต่ให้มองเป็นเรื่องของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะรวบรวมหลายส่วน และเราทราบกันดี

ต้องการจะยก “เศรษฐกิจสีเทา” ขึ้นมาอยู่บนพื้นให้หมด

ไม่ต่างจาก “จุลพันธ์”  ในฐานะประธานกมธ. ที่ยืนยันรายงานดังกล่าวยังไม่ใช่ข้อยุติ โดยหลังจากนี้จะเสนอรายงานพร้อมข้อสังเกตของกมธ. และความคิดเห็นของสมาชิกฯ ส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบภายใน 2 สัปดาห์

“ผมเชื่อว่าหากครม.เห็นชอบ เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะสามารถผลักดันให้เป็นกฎหมายได้ภายใน 4 ปี ทันการทำงานของรัฐบาลเพื่อไทย” คำมั่นสัญญาจากรมช.คลัง ในฐานะประธานกมธ.ศึกษาฯ 

4ปีปักธง‘เศรษฐกิจสีเทา’ทำได้-ขายฝัน?  ผ่าแหล่งรายได้ ‘กาสิโน’ถูกกฎหมาย

เศรษฐกิจจีนชะลอตัว-ภูมิรัฐศาสตร์ โอกาสไทย?

“เจาะลึก” ไปที่รายงานที่กมธ.ได้ให้ความเห็นชอบไปเมื่อวันที่28 มี.ค.ที่ผ่านมา

ไฮไลน์สำคัญ อยู่ที่ตัวเลขคาดการณ์ ในปี พ.ศ. 2567 จะมีนักท่องเที่ยว ชาวต่างประเทศประมาณ 34.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น23% รายได้จากการท่องเที่ยว ของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ปี2567 

คาดการณ์ว่าประมาณ 1.49ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น20.1% ค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปของนักท่องเที่ยวต่างประทศ ปีพ.ศ. 2567 ประมาณ 43,255 บาท/คน/ทริป เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัว รวมทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์

ฉะนั้นถ้าหากมีการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ก็อาจเป็นส่วนส่งเสริมให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวมากขึ้น

ขณะที่ โครงสร้างระดับนโยบาย จะประกอบไปด้วย คณะกรรมการนโยบายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ

อีกชุดคือ คณะกรรมการบริหารสถานบันเทิงครบวงจร หรือเรียกว่าคณะกรรมการบริหาร ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ  มีระดับปลัดกระทรวง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ มีอำนาจในการพิจารณาเรื่องร้องเรียนต่างๆ

ขณะที่แหล่งรายได้จาก “สถานบันเทิงครบวงจร” รายงานระบุว่า  มีการคาดการณ์“กาสิโน” ในไทย ขั้นต่ำ 10% ของจำนวนผู้ที่อยู่ในประเทศไทย หรือ3.7ล้านคน (เทียบเคียงระหว่างปี พ.ศ. 2565 คิดเป็นลูกค้ากาสิโนทั้งสิ้น 4.8.ล้านคน แบ่งเป็นชาวต่างชาติ1.1 ล้านคน และคนไทย3.7 ล้านคน)

4ปีปักธง‘เศรษฐกิจสีเทา’ทำได้-ขายฝัน?  ผ่าแหล่งรายได้ ‘กาสิโน’ถูกกฎหมาย

 

 ผ่า“5แหล่งรายได้” สถานบันเทิงครบวงจร

ขณะที่ข้อเสนอแนะด้านนโยบายภาษีและการจัดเก็บรายได้จากธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร จะมีทั้ง 

1. ภาษีสรรพสามิต ควรมีการตั้ง “ภาษีกาสิโน” ขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยการจัดเก็บคิดจากรายได้ขั้นต้นจากการเล่นพนัน (Gross Gaming Revenue;GGR)

โดยปัจจุบันภาษีสรรพสามิตที่เกี่ยวข้องกับสถานบริการหรือสถานบันเทิงที่กรมสรรพสามิตจัดเก็บ ซึ่งอาจเทียบเคียงได้กับธุรกิจของสถานบันเทิงแบบครบวงจ ในอนาคต ได้แก่ 

  • ภาษีสนามม้า จัดเก็บ 20% ของค่าผ่านประตูและเงินรางวัล
  • ภาษีสนามกอล์ฟ จัดเก็บ10% ของค่าสมาชิกและค่าใช้บริการ 
  • ภาษีไพ่ 30บาท ต่อหนึ่งร้อยใบ  
  • ภาษีไนต์คลับ (ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ บาร์ ค็อกเทลเลาจน์โดยให้หมายความรวมถึงสถานที่ที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ โดยจัดให้มีการแสดงดนตรีหรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิงซึ่งปิดทำการหลังเวลา 24.00น.) จัดเก็บ10% ของรายรับ

2. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล ผู้เล่นควรได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา  ผู้ประกอบการกรณีภาษีเงินได้นิติบุคคลใช้ฐานภาษีGross Gaming Revenue(GGR) 

ตัวอย่าง รายรับGGR0-20ล้านบาท อัตราภาษี20%  / รายรับมากกว่า20ล้านบาท -40ล้านบาท อัตรา25%  /รายรับรวม40ล้านบาทขึ้นไป อัตรา 30% 

3.ภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการได้รับยกเว้นมูลค่าฐานภาษี 

4 .ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต กำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแบบเฉพาะเจาะจง (Fixed License Fee)ขึ้นอยู่กับโซน

5.ค่าธรรมเนียมการเข้าใช้บริการอัตราที่เหมาะสมกับฐานรายได้

4ปีปักธง‘เศรษฐกิจสีเทา’ทำได้-ขายฝัน?  ผ่าแหล่งรายได้ ‘กาสิโน’ถูกกฎหมาย

 ‘กาสิโน’ ในไทยปมเสี่ยงซ้ำรอย‘สีหนุวิลล์’?

ทว่าเมื่อมีฝั่งที่เห็นด้วย แน่นอนว่าก็ต้องมี “ผู้ไม่เห็นด้วย”  โดยกลุ่มนี้มองว่า  การเปิดกาสิโน อาจนำมาซึ่งปัญหาสังคมในหลากหลายมิติ นอกเหนือกจากไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายได้ เนื่องด้วยบางส่วนที่เข้าไม่ถึงกาสิโน ก็อาจไปเล่นการพนันผิดกฎหมายเช่นเดิม

แม้รัฐบาลจะมีการหยิบยก “สิงคโปร์โมเดล” ที่โกยรายได้เข้าประเทศรายได้ 4แสนล้านบาท เอาเข้าจริงอาจจะซ้ำรอย เช่น สีหนุวิลล์ ในกัมพูชา ที่ถูกปล่อยทิ้งร้างในที่สุด

อีกทั้งรัฐบาลยังไม่มีอะไรที่จะมารับประกันหากเกิดปัญหาคนไทยติดการพนัน ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือการค้ามนุษย์ เป็นต้น

เหนือไปกว่านั้น ในวันพิจารณารายงานฉบับดังกล่าว ในสภาฯ สมาชิกพรรคฝ่ายค้าน ยังมีการพูดถึงรรายงานที่ระบุว่า จังหวัดที่มีประสิทธิภาพมี 44 จังหวัด โดยที่แรก คือ สนามบินอู่ตะเภา ในวันนั้นยังมีการ ตั้งคำถามไปถึง การเซ็นสัญญาระหว่างกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่3บริษัท  ภายใต้คำถามที่ว่า ล็อกไว้แล้วหรือไม่ ว่ากาสิโนจะอยู่ภายใต้การผูกขาด หรือดูแลของใคร?

ยังไม่นับรวมหลากหลายปมร้อนที่รอจ่อคิวอยู่เบื้องหน้า ต้องติดตามไทม์ไลน์หลังจากนี้ ภายหลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติให้ความเห็นชอบรายงานดังกล่าวแล้ว ในขั้นตอนต่อไปจะส่งต่อไปยังคณะรัฐมนตรีและหากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบก็อาจจะตั้งกรรมการเพื่อศึกษาให้รอบด้านอีกครั้ง ก่อนจะเสนอเป็นกฎหมายให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาต่อไป

เรียกได้ว่า “โมเดลเศรษฐกิจสีเทา” ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย จนถึงนาทีนี้ยังอยู่ในช่วงตั้งไข่ มีอีกหลากหลายขวากหนามที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า 

เช่นนี้ต้องจับตาต่อไปยาวๆที่สุดแล้วรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะสามารถดันอีกหนึ่ง “เรือธง” ลำนี้ได้สำเร็จ กลายเป็นผลงานชิ้นโบแดงในการเรียก “คะแนนนิยม” การเลือกตั้งครั้งถัดไป หรือที่สุดจะเป็นเพียงนโยบายขายฝันแต่เพียงเท่านั้น ต้องติดตาม!