ก้าวไกล ถล่มงบฯ สตช. จัดซื้ออาวุธหนัก-เช่ารถแพง กมธ.แจงตั้งงบฯ ตั้งแต่ปี 64

ก้าวไกล ถล่มงบฯ สตช. จัดซื้ออาวุธหนัก-เช่ารถแพง กมธ.แจงตั้งงบฯ ตั้งแต่ปี 64

ก้าวไกล ถล่มงบฯ สตช. จัดซื้ออาวุธหนัก ถามเอาไปใช้กับใคร คาใจเช่ารถแพงเกินจริง กมธ.แจงตั้งงบฯ ตั้งแต่ปี 64 อนุกมธ.ไม่ตัดลด เนื่องจาก สตช.ชี้แจงว่า ได้ส่งมอบ และเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วาระสอง เป็นวันสุดท้าย

โดยเริ่มที่มาตรา 27 ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง และหน่วยงานภายใต้การควบคุมดูแลของนายกรัฐมนตรี จำนวน 35,434,895,500 บาท

โดย น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย สงวนความเห็นขอตัดงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ลง 3% หรือจำนวน 1,781 ล้านบาทว่า งบประมาณเพื่อจัดซื้ออาวุธหนัก เป็นเรื่องไม่จำเป็นและฟุ่มเฟือย

ประกอบด้วย ปืนซุ่มยิง ระยะไกล หรือสไนเปอร์ 10 ชุด 15.5 ล้านบาท ปืนกล พร้อมอุปกรณ์ 20 ชุด 72 ล้านบาท ปืนกลมือขนาด 9 มม. 4,000 กระบอก พร้อมอุปกรณ์ 104 ล้านบาท ปืนเล็กสั้น ขนาด 5.56 มม. จาก 3 โครงการ 2,000 กระบอก 274 ล้านบาท รถปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยในการชุมนุม(จีโน่) 5 คัน 87 ล้านบาท และค่าซ่อมแซมรถฉีดน้ำแรงดันสูงควบคุมฝูงชน(จีโน่) ที่ชำรุด 5 คัน 47 ล้านบาท รวม 599.5 ล้านบาท

“ถามว่า ตำรวจมีอาวุธได้หรือไม่ ตอบว่า มีได้ แต่ข้อเท็จจริงต้องดูว่า ตำรวจใช้อาวุธเหล่านี้กับใคร ด้วยจุดประสงค์อะไร และถือครองไว้จำนวนเท่าไร เราต้องไม่ปล่อยให้ตำรวจตกเป็นเครื่องมือของรัฐ ผลักสังคมไปอยู่ในความรุนแรงที่สูงขึ้นเรื่อยๆจากการสะสมอาวุธสงครามมากมาย” น.ส.พนิดา กล่าว

ด้าน น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ กรรมาธิการ(กมธ.) สัดส่วนพรรคก้าวไกล อภิปรายสงวนความเห็น ปรับลดงบประมาณในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 10% ว่า การจัดสรรงบประมาณของตำรวจมีปัญหาต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทั้งที่เป็นภารกิจหลักของตำรวจ

หากเราพิจารณางบฯ ของตำรวจในปีนี้ หรือหลายปีที่ผ่านมา ไม่ได้เกิดจากการได้รับงบประมาณน้อยเกินไป แต่เกิดจากการตั้งใช้งบประมาณกับบางอย่างที่เกินจริง ให้ความสำคัญผิดสัดส่วน

ยกตัวอย่าง ค่าน้ำมันของสายตรวจที่ได้เดือนละ 7,000 บาท หากเป็นจักรยานยนต์ จะได้เดือนละ 3,500 บาท ทั้งที่ต้องใช้ขับลาดตระเวนทั้งวัน ทำให้ตำรวจต้องลดการลาดตระเวน หรือใช้วิธีการตรวจ เมื่อมีการแจ้งเหตุแทน และยังต้องออกค่าน้ำมันส่วนเกินเอง

ขณะที่โครงการอื่นๆ เช่น โครงการอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยในการบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ หรือจิตอาสา 904 ที่มีงบประมาณ 157 ล้านบาท กลับได้ค่าน้ำมันอย่างไม่ขัดสน แค่รับส่งเจ้าหน้าที่ ก็ได้ค่าน้ำมันเที่ยวละ 1,000 บาท ไปกลับตกวันละ 2,000 บาท

นอกจากนี้ จิตอาสา 904 ยังมีค่าน้ำมันในกิจกรรมสร้างจิตสำนึกปีละ 3.32 ล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 2.7 แสนบาท หากเทียบกับตำรวจสายตรวจที่ต้องวิ่งตรวจความปลอดภัยทั้งวัน จิตอาสา 904 ก็ยังได้ค่าน้ำมันมากกว่าตำรวจเกือบ 20%

น.ส.ณธีภัสร์ กล่าวอีกว่า งบประมาณอีกส่วน ที่ตั้งไว้สูงคือ ค่าเช่ารถ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีรถจำนวนมาก ทำให้ค่าเช่าย่อมสูงตามไปด้วย ปีนี้ 3,000 กว่าล้านบาท

โดยที่ค่าเช่ารถในแต่ละปี มีราคาสูงกว่าความเป็นจริงมาก ยกตัวอย่าง รถที่เช่าอยู่ 2 รุ่น คือ โตโยต้าแคมรี่ จากโครงการบริการประชาชน ที่เช่าอยู่ 215 คัน ค่าเช่าเดือนละ 37,630 บาทต่อคัน แต่ความเป็นจริงให้เช่าในราคา 30,700 บาท เท่ากับตำรวจเช่าแพงถึง 20% ส่วนรถเบนซ์ S 350 จากโครงการถวายความปลอดภัย เช่าอยู่ 8 คัน ค่าเช่าเดือนละ 165,500 บาทต่อคัน แต่ความเป็นจริงเช่าในราคา 137,116 บาท เท่ากับตำรวจเช่าแพงกว่า

ขณะที่นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงงบประมาณของ สตช.ที่ไม่จำเป็น และขอทุกปี ซึ่งสิ่งที่ควรลดหรือตัดออกไปเลย คือค่าตอบแทนอาสาสมัครตำรวจบ้าน 26.24 ล้านบาท  

ตนเข้าใจว่าภารกิจของตำรวจมีมากและจำเป็นที่จะต้องมีอาสาสมัครมาช่วยเหลือ แต่อาสาสมัครเหล่านี้มี 10 คนต่อสถานีตำรวจ แต่ค่าตอบแทนที่ให้กับอาสาสมัครนี้ เบิกงบต่อคนต่อปีแค่ 1,800 บาท เป็นเพียงสินน้ำใจ

ถ้าเป็นสินน้ำใจการทำงานทั้งปี แล้วได้เพียงนี้ สิ่งแรกที่ตำรวจต้องทำคือ ต้องแจ้งข้อหาตัวเองก่อนเลย ที่ให้ค่าแรงที่น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำ หรือถ้าไม่จัดการเรื่องนี้ ก็ควรหางบฯ มาทำเป็นหลักแหล่งชัดเจน หวังว่า สตช.จะตัดลดงบฯ เพื่อให้กำลังพลได้มีบ้านพักอาศัยที่ดี มีสวัสดิการ และน้ำมันเพียงพอ เมื่อการจัดสรรงบฯไม่เป็นผลแบบนี้ ตนขอปรับลดทั้งหมด 5%

ขณะที่ นายธเนศ เครือรัตน์ สัดส่วน กมธ.พรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่า โครงการจัดซื้อปืนซุ่มยิงระยะไกล ปืนกล ปืนเล็ก ทั้งหมด 6,030 กระบอก สตช.ได้ใช้งบฯ ตั้งแต่ปี 2564 มาจัดซื้อในปี 2567 เนื่องจากขณะนั้นเป็นช่วงโควิด จัดซื้อไม่ทัน จึงมาจัดซื้อในปีนี้ ซึ่งทางอนุกมธ.ก็ไม่ได้ตัดลดในส่วนนี้ เนื่องจากทาง สตช.ชี้แจงว่า ได้ส่งมอบและเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว สำหรับค่าน้ำมัน ทาง กมธ.ทำเป็นข้อสังเกตให้ สตช.จัดสมดุล ระหว่างรถประจำตำแหน่ง และรถสายตรวจแล้ว

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมลงมติเห็นชอบตาม กมธ.เสียงข้างมากแก้ไข ด้วยคะแนน 259 ต่อ129 งดออกเสียงไม่มี และไม่ออกเสียง 2 เสียง