ผ่าสาแหรกคดี ‘จำนำข้าว’ วิบาก‘ยิ่งลักษณ์’ เปิดประตู ‘นักโทษเทวดา 2’

ผ่าสาแหรกคดี ‘จำนำข้าว’ วิบาก‘ยิ่งลักษณ์’ เปิดประตู ‘นักโทษเทวดา 2’

ภาพรวมโดยสรุปของโครงการ“จำนำข้าว”ที่ยังคงตามมาหลอกหลอน“ยิ่งลักษณ์” หากเดินซ้ำรอย“พี่ชาย”เตรียมกลับไทย เตรียมเปิดตำนาน“นักโทษเทวดาภาค 2”พ้นโทษ โดยไม่ต้องย่างขาเข้าเรือนจำ

KEY

POINTS

  • เปิดภาพรวม-จำเลยคดีที่เกี่ยวข้องกับ “จำนำข้าว” จาก 4 สำนวน ศาลฎีกาฯพิพากษาไปแล้ว 2 สำนวน
  • เคส “ยิ่งลักษณ์” ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาทในโครงการนี้ ถูกศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 5 ปี โดยเธอหลบหนีไปก่อนศาลจะอ่านคำพิพากษา
  • ส่วนกรณีใหญ่คือ “ระบายข้าวจีทูจี” มีบรรดานักการเมือง-ข้าราชการระดับสูง-เอกชนค้าข้าว โดนศาลสั่งจำคุกกราวรูด โดยเฉพาะ “บุญทรง” อดีต รมว.พาณิชย์ โดนถึง 48 ปี
  • ท่ามกลางกระแส “นารีขี่ม้าขาว” เตรียมกลับไทยเป็น “นักโทษเทวดาภาค 2” แม้นักการเมืองซีกสีแดงจะพยายามปฏิเสธถึงเรื่องนี้อยู่ก็ตาม
  • แต่บางฝ่ายเตรียมวางกลเกม “สับขาหลอก” เพราะคดีนี้เป็นตัวอย่าง “ทุจริตเชิงนโยบาย” ครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย หากปล่อยไปอาจโดนแรงต้านหนัก สะเทือนการบริหารประเทศได้

ภาพรวมโดยสรุปของโครงการ“จำนำข้าว”ที่ยังคงตามมาหลอกหลอน“ยิ่งลักษณ์” หากเดินซ้ำรอย“พี่ชาย”เตรียมกลับไทย เตรียมเปิดตำนาน“นักโทษเทวดาภาค 2”พ้นโทษ โดยไม่ต้องย่างขาเข้าเรือนจำ

แม้ว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะพิพากษา “ยกฟ้อง” คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี คดีจ้างเอกชนจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์โครงการโรดโชว์ 2024 ด้วยวงเงิน 240 ล้านบาทไปแล้ว

ทว่า “วิบากกรรม” ของ “นารีขี่ม้าขาว” ยังไม่หมด เพราะล่าสุด (6 มี.ค.) “นิวัติไชย เกษมมงคล” เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า คดีที่มีกล่าวหายิ่งลักษณ์ใน ป.ป.ช. เบื้องต้นขณะนี้ยังเหลือคดีกล่าวหา “ยิ่งลักษณ์” สมัยดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้มีมติเห็นชอบเรื่องการจัดสรรพลังงานไฟฟ้าให้กับเอกชน โดยเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะอนุกรรมการไต่สวน ส่วนคดีจัดโรดโชว์นั้นอยู่ระหว่างรอคำพิพากษาฉบับเต็มจากศาลฎีกาฯ เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อหรือไม่

สารพัดคดีของ “ยิ่งลักษณ์” เท่าที่มีการกล่าวหาในชั้นไต่สวนของ ป.ป.ช. และที่ศาลฎีกาฯมีคำพิพากษายกฟ้องไปแล้ว นับเฉพาะเรื่องสำคัญ ๆ เช่น คดีโยกย้าย“ถวิล เปลี่ยนศรี” อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) คดีออก พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท คดีอนุมัติเงินเยียวยาแก่ผู้ชุมนุมทางการเมือง คดีประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ช่วงคุมม็อบ กปปส.ปี 2556 คดีปล่อยปละละเลยในการปฏิบัติหน้าที่จนเกิดมหาอุทกภัยปี 2554 คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ภาค 2 เป็นต้น

ส่วนคดีที่ศาลฎีกาฯพิพากษาลงโทษมีเพียง 1 คดี คือ คดีปล่อยปละละเลย ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการจำนำข้าว เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 โทษจำคุก 5 ปี เป็นชนวนเหตุสำคัญให้ “นารีขี่ม้าขาว” ต้องหลบหนีไปใช้ชีวิตต่างประเทศอยู่ในตอนนี้

ประเด็นที่น่าสนใจ ทุกองคาพยพทางการเมืองในตอนนี้ ต่างคุยกันให้แซ่ดว่า มีโอกาสที่ “ยิ่งลักษณ์” เตรียมจะกลับเข้าไทย ตามรอย “พี่ชาย” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่กลับมารับโทษจำคุก 3 คดีทุจริตเมื่อ ส.ค.2566 ปัจจุบันได้รับการ “พักโทษ” กลับไปพำนักที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า”แล้ว ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า จะเกิดกรณี “นักโทษเทวดาภาค 2” ขึ้นอีกหรือไม่

ภาพลักษณ์ของ “อดีตนายใหญ่ดูไบ” ติดลบในมุมมองของ “ด้อมส้ม” และประชาชนบางส่วนอย่างชัดเจน สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำในการบังคับใช้กระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่ต่างอะไรกับหลายกรณีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

ต้องไม่ลืมว่าชนักปักหลัง “ยิ่งลักษณ์” คือคดีเกี่ยวกับโครงการ “รับจำนำข้าว” ซึ่งเป็นคดีใหญ่ มีจำเลยเข้าไปเกี่ยวพันจำนวนมาก ทั้งนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง และกลุ่มเอกชน โดยหลายคนยังคงถูก “จองจำ” ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำอยู่ตอนนี้

สำหรับโครงการรับจำนำข้าว คือนโยบาย “ประชานิยม” เป็นมอตโต้ที่ “พรรคเพื่อไทย” ใช้ลุยปราศรัยหาเสียงก่อนการเลือกตั้งปี 2554 และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญผลักดัน “ยิ่งลักษณ์” ก้าวขึ้นเป็นนายกฯหญิงคนแรกของประเทศได้สำเร็จ 

หลังจากนั้นรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา พร้อมกับเดินหน้าโครงการดังกล่าวทันที ไม่สน “เสียงค้าน” จากทั้งองค์กรอิสระ เช่น ป.ป.ช. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กลุ่มนักวิชาการที่นำโดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และนักวิชาการด้านเศรษฐกิจการเงินการคลัง เป็นต้น

ทว่า หลังจากนั้นราว 2 ปี โครงการนี้ถูกนักข่าว นักวิชาการ และองค์กรอิสระเข้าไปตรวจสอบขุดคุ้ยจนพบความไม่ชอบมาพากลจำนวนมาก โดยโครงการรับจำนำข้าว ตามทางไต่สวนของ ป.ป.ช. ถูกแบ่งออกเป็น 4 สำนวนใหญ่ ได้แก่ 1.การไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว 2.ทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ภาค 1 3.ทุจริตการระบายข้าวแบบจีทูจี ภาค 2 4.นักการเมืองที่เกี่ยวข้องร่ำรวยผิดปกติหรือไม่จากโครงการนี้ โดย 2 ใน 4 สำนวนมีคำพิพากษาจากศาลฎีกาฯ ไปแล้ว เหลือคดีระบายข้าวจีทูจีภาค 2 และคดีนักการเมืองร่ำรวยผิดปกติ ที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช.

นำไปสู่มติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลผิด “ยิ่งลักษณ์” กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายจากโครงการนี้เป็นเงินกว่า 5 แสนล้านบาท โดยชี้ให้เห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวคือการ “ทุจริตเชิงนโยบาย” ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของไทย ทว่าเรื่องนี้ “ยิ่งลักษณ์” กลับลอยตัว หลบหนีไปก่อนมีคำพิพากษา

สวนทางกับบรรดานักการเมืองที่เกี่ยวข้อง เช่น บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขาฯ รมว.พาณิชย์ (ปัจจุบันหลบหนีคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ) พ่วงด้วย มนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ “เสี่ยเปี๋ยง” อภิชาติ จันทร์สกุลพร อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดังของไทย รวมถึงข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ และกลุ่มเอกชนที่เกี่ยวข้อง รวมจำเลยหลายสิบราย ต้องพาเหรดเข้าไปรับโทษในเรือนจำกันกราวรูด ในคดีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี ซึ่งเป็นนโยบายใต้ร่มเงาของโครงการรับจำนำข้าวนั่นเอง

วาทะในตำนานเกิดขึ้นในวันฟังคำพิพากษา 2 คดีที่เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวซึ่งตัดสินในวันเดียวกัน บริเวณหน้าที่ทำการศาลฎีกาฯชั่วคราว ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กทม. วงนักข่าวดักสัมภาษณ์ “บุญทรง” ในวันมาฟังคำพิพากษาคดีระบายข้าวจีทูจี โดยเขายืนยันว่า “ยิ่งลักษณ์” มาฟังคำพิพากษาคดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวแน่นอน และเมื่อเช้าวันนี้ได้โทรศัพท์พูดคุยยืนยันกันแล้ว

อย่างไรก็ดีวันดังกล่าว “ยิ่งลักษณ์” ไม่มาตามนัด ปล่อย “บุญทรง”ติดคุกแต่เพียงผู้เดียว หลังจากนั้นในช่วงเย็นมีรายงานข่าวแจ้งว่า “ยิ่งลักษณ์” หลบหนีจากไทยไปก่อนหน้าวันพิพากษาราว 1-2 วันแล้ว จนเข้าทำนอง “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล”

แม้ว่าหลังจากนั้นจะมีกระแสข่าวว่า “บุญทรง” พร้อมให้การเป็น “พยาน” และเตรียมเปิดเผย “คลิปลับ” ที่มี “บิ๊กนักการเมือง” เกี่ยวข้องในโครงการนี้ นัยว่าไม่ยอม “ตายเดี่ยว” ก็ตาม โดย ป.ป.ช.ตั้งไต่สวนคดีระบายข้าวจีทูจีภาค 2 รับลูกขึ้นมาทันควันก็ตาม แต่สุดท้ายมติที่ประชุมใหญ่ ป.ป.ช.ตีตกชื่อ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ (น้องสาวทักษิณ)” ออกจากชื่อผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ 

หลังจากนั้นได้ชี้มูล “บุญทรง-พวก” เพิ่มเติม โดยสำนวนคดีระบายข้าวจีทูจีภาค 2 ปัจจุบันคดียังค้างอยู่ระหว่างการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างฝ่ายอัยการ และฝ่าย ป.ป.ช.เพื่อหาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีอยู่ ส่วนชื่อของ “บุญทรง” ก็เงียบหายไปตามกาลเวลา จนถึงปัจจุบัน

สำหรับ “จำเลย” คดีระบายข้าวจีทูจี ที่ศาลฎีกาฯมีคำพิพากษานั้น ได้รับโทษจำคุกดังนี้

กลุ่มการเมือง บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว. พาณิชย์ จำคุก 48 ปี (เดิมโทษ 42 ปี แต่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา วินิจฉัยอุทธรณ์เพิ่มโทษอีก 6 ปี) ภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ จำคุก 36 ปี วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขาฯ รมว.พาณิชย์ จำคุก 50 ปี (หลบหนีคดี ถูกศาลฎีกาฯออกหมายจับ)

กลุ่มอดีตข้าราชการ มนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำคุก 40 ปี ฑิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว จำคุก 32 ปี อัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ 24 ปี

กลุ่มเอกชน “สยามอินดิก้า” สมคิด เอื้อนสุภา ลูกน้อง “เสี่ยเปี๋ยง” จำคุก 16 ปี  รัฐนิธ โสจิระกุล ลูกน้อง “เสี่ยเปี๋ยง” จำคุก 8 ปี

ลิตร พอใจ ลูกน้อง “เสี่ยเปี๋ยง” จำคุก 8 ปี  รัตนา แซ่เฮ้ง หรือ “เจ๊รัตน์” คนสนิท “เสี่ยเปี๋ยง” จำคุก 16 ปี  เรืองวัน เลิศศลารักษ์ จำคุก 16 ปี

สุทธิดา ผลดี หรือจันทะเอ จำคุก 4 ปี  

อภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ “เสี่ยเปี๋ยง” จำคุก 48 ปี  นิมล รักดี จำคุก 32 ปี สุธี เชื่อมไธสง จำคุก 32 ปี สุนีย์ จันทร์สกุลพร จำคุก 4 ปี

กฤษณะ สุระมนต์ จำคุก 4 ปี 

ส่วนที่เหลือเป็นกรรมการโรงสีข้าว โดนโทษจำคุกคนละ 4-8 ปี 

นอกจากนี้ศาลฎีกาฯยังสั่งปรับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด 2.5 แสนบาท สั่งชดใช้เงินคืนรัฐกว่า 2 หมื่นล้านบาท และปรับกลุ่มโรงสีอีกหลายหมื่นบาท สั่งชดใช้เงินคืนรัฐอีกว่า 2 พันล้านบาท

นี่คือภาพรวมโดยสรุปของโครงการ“จำนำข้าว”ที่ยังคงตามมาหลอกหลอน“ยิ่งลักษณ์” หากเดินซ้ำรอย“พี่ชาย”เตรียมกลับไทย เตรียมเปิดตำนาน“นักโทษเทวดาภาค 2”พ้นโทษ โดยไม่ต้องย่างขาเข้าเรือนจำ