'วรวัจน์' ท้วง 'ปดิพัทธ์' ก้าวก่ายฝ่ายบริหาร บุกทำเนียบฯ เร่งกฎหมายการเงิน

'วรวัจน์' ท้วง 'ปดิพัทธ์' ก้าวก่ายฝ่ายบริหาร บุกทำเนียบฯ เร่งกฎหมายการเงิน

‘วรวัจน์’ ย้ำ นิติบัญญัติ-บริหาร แบ่งหน้าที่แยกกันเด็ดขาด แนะ ‘ปดิพัทธ์’ อย่าใช้อำนาจนิติบัญญัติบุกทำเนียบฯ ก้าวก่ายอำนาจนายกรัฐมนตรีพิจารณากฎหมายการเงิน

วันที่ 6 มี.ค. 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ลุกขึ้นติงนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ที่ชี้แจงกรณีการใช้อำนาจรองประธานสภาผู้แทนราษฎรหลังเดินทางไปทวงถามร่างกฎหมายการเงินที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า เหตุที่มีการกำหนดให้นายกฯ เป็นผู้พิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เพราะสภาไปออกกฎหมายมากมายที่ทำให้รายได้ภาษีที่ควรจะนำมาเป็นเงินงบประมาณของประเทศ กลายเป็นเงินเก็บของหน่วยงาน ที่เรียกว่าเงินนอกงบประมาณซึ่งมีมากกว่างบประมาณหลายเท่า ถึงประมาณ 5.9 ล้านล้านบาท ทำให้เม็ดเงินที่จะมาอัดฉีดหมุนเวียนอยู่ในระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นหายไป 

นายวรวัจน์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นสส.ด้วย และเคยเป็นฝ่ายบริหารด้วย ทั้งยังเป็นกรรมาธิการงบประมาณมาหลายสมัย ขอเรียนว่า เราแยกหน้าที่กันเด็ดขาด ระหว่างฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งเราควรเคารพการทำหน้าที่ของกันและกัน ที่ผ่านมานั้น แม้เราเคยเสนอกฎหมายไปก็จริง แต่เราไม่เคยไปก้าวก่ายอำนาจของฝ่ายบริหารตรงนั้น ที่เขาจะเป็นผู้พิจารณาว่า ควรหรือไม่ที่จะเพิ่มกฎหมายเกี่ยวกับการเงินอันนี้อันนั้น 

"นายกฯไม่ได้ดูกฎหมายเองผู้เดียว แต่ยังต้องสอบถามไปยังหน่วยงานต่างๆว่ามีความจำเป็นแค่ไหน เห็นควร หรือไม่เห็นควรอย่างไร ตนขอให้ตรงนี้ ให้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีและฝ่ายบริหารเถิด ฝ่ายนิติบัญญัติอย่าไปก้าวก่ายฝ่ายบริหารเลย" นายวรวัจน์ กล่าว