‘ภูเก็ต’ที่ดิน-อสังหาฯราคาพุ่ง ‘ดีเอสไอ’สอบมาเฟียต่างชาติฟอกเงิน

‘ภูเก็ต’ที่ดิน-อสังหาฯราคาพุ่ง ‘ดีเอสไอ’สอบมาเฟียต่างชาติฟอกเงิน

‘ภูเก็ต’ที่ดิน-อสังหาฯราคาพุ่ง ‘ดีเอสไอ’สอบมาเฟียต่างชาติฟอกเงิน พบก่ออาชญากรรมสูงขึ้น กลุ่มอาชญากรแฝงตัวรูปแบบนักท่องเที่ยว นายกสมาคมอสังหาฯภูเก็ต บอกขุมทรัพย์ 'ลิตเติ้ลรัสเซีย' ขยับจากพัทยาสู่ภูเก็ต

Key Points: 

  • ราคา ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ จังหวัดภูเก็ตพุ่งสูงลิบ คนไทยไม่มีกำลังซื้อเพียงพอ เปิดช่องให้ ชาวต่างชาติ แห่เข้ามาซื้อที่ดิน โครงการหมู่บ้านหรู
  • โดย กรมสอบสวนคดีพิเศษ พบว่าชาวต่างมีพฤติการณ์เลี่ยงภาษีการโอนกว่าร้อยละ 10 ทำให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้
  • ขณะเดียวกันยังมี "มาเฟีย" แอบแฝงตัวเข้ามา ในรูปแบบนักท่องเที่ยว เพื่อทำการฟอกเงิน 

จากกรณีที่อสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตมีราคาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ดังกล่าวขยับขึ้น 15-20% และแนวโน้มความต้องการของชาวต่างชาติยังคงเพิ่มขึ้น โดยทำเลทอง ข้อมูลจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รายงานสถานการณ์ ดังนี้

1.กรณีที่ชาวต่างชาติประกอบธุรกิจโครงการหมู่บ้านระดับวิลล่าหรู หรือคอนโดมิเนียม จะทำให้ราคาของอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้น ทำให้คนไทยไม่มีกำลังพอที่จะซื้อเพื่ออยู่อาศัย ซึ่งการซื้อขายระหว่างชาวต่างชาติจะมีพฤติการณ์ในการหลีกลี่ยงภาษีในการโอนประเภทต่างๆ ซึ่งเมื่อรวมแล้วประมาณร้อยละ 10

2.มีการก่ออาชญากรรมขึ้นในประเทศไทย ซึ่งโดยส่วนมากในระหว่างคนสัญชาติเดียวกัน และมีการรวมตัวกันในรูปแบบกลุ่มอาชญากรระดับชาติต่างๆ (มาเฟีย) มีการลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ หรือเพื่อรีดเอาทรัพย์

3.ในการประกอบธุรกิจต่างๆมีพฤติการณ์ในการนำเงินที่ผิดกฎหมายจากต่างประเทศมาฟอกเงินในประเทศไทยในรูปแบบ ธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

4.มีการแอบแฝงของอาชญากรจากต่างประเทศมารวมกลุ่มในประเทศไทย โดยมาในรูปแบบของนักท่องเที่ยว

5.การฟอกเงินมีการพัฒนาในรูปแบบของเงินดิจิทัลแอบแฝงในรูปธุรกิจการแลกเปลี่ยนเงินตรา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในวงการประกอบธุรกิจ หรือโพ้ยก๊วน 
 

ขณะเดียวกันมีข้อมูลจาก เมธาพงศ์ อุปัติศฤงค์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า หลังจากเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน จำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียมายังภูเก็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ยิ่งในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. ที่ผ่านมา สภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวต่อเนื่องที่สำคัญมาอาศัยอยู่ระยะยาวมากขึ้น ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะดีมานด์ของคนจีนลดลง จากเดิมที่คนรัสเซียนิยมเที่ยวพัทยา ส่วนหนึ่งเปลี่ยนมาภูเก็ต โดยเฉพาะกลุ่มคนรัสเซียที่มีความมั่งคั่งสูง เข้ามาลงทุนตั้งแต่การซื้ออสังหาริมทรัพย์ บ้านพักวิลล่า คอนโดมิเนียม

ทั้งนี้เนื่องจากภูเก็ต ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนต่างชาติได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเดินทางที่สะดวก เพราะมีสนามบินนานาชาติ ท่าเทียบเรือยอร์ช เรือสำราญ สนามกอล์ฟ โรงเรียนนานาชาติ ถึง 10 แห่ง ดึงดูดชาวรัสเซียและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่ต้องการอพยพจากภัยสงครามเข้ามาในภูเก็ต

"เพราะมองว่าเป็นบ้านหลังที่ 2 ให้กับตัวเองและครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี มียอดขายมาหลักมาจากชาวรัสเซียเป็นอันดับหนึ่ง"

เมธาพงศ์ กล่าวว่า จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้ดีเวลลอปเปอร์ท้องถิ่น และบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เข้ามาในพื้นที่มากขึ้น อาทิ ออริจิ้น, แสนสิริ, ไซมิส แอสเสท, ไรมอน แลนด์ และ ชาญอิสสระ เข้ามาพัฒนาโครงการในภูเก็ตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาที่ดินขยับสูงขึ้น บางพื้นที่จากไร่ละ 3 ล้านบาท ขยับเป็นไร่ละ 8-9 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงสถานการณ์โควิด-19 ในทำเลเชิงทะเล ขยับไร่ละ 40 ล้านบาท ส่วนทำเลป่าตองพุ่งไร่ละ 120 ล้านบาท!! ที่สำคัญทำเลติดทะเลหายาก

“จะเห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตเนื้อหอมขึ้น หลังโควิดฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ต้องระมัดระวังในการขึ้นโครงการใหม่ เพราะตัวเลขซัพพลายสูงกว่าดีมานด์แล้ว”
 
สอดคล้องกับ ณัฏฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ระบุว่า ปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมีสัดส่วนของชาวรัสเซีย 40-60% จากลูกค้าทั้งหมด หากเทียบกับเมื่อก่อนจะมีสัดส่วนเพียง 10-15% เท่านั้น ส่วนใหญ่สนใจทำเลหาดกะตะ หาดกะรน หาดป่าตอง หาดกมลา หาดบางเทา เชิงทะเล (ลากูนา) และหาดในทอน ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ดังกล่าวขยับขึ้น 15-20% และแนวโน้มความต้องการของลูกค้ารัสเซียยังคงเพิ่มขึ้นโดยนิยมทำเล เชิงทะเล บางเทา ราไวย์ ในหาน

จากการประเมินราคาที่ดินเติบโตเฉลี่ย 8-10% ต่อปี ส่งผลให้ราคาขายของวิลล่าปรับตัวขึ้นตามราคาที่ดิน โดยเฉพาะวิลล่าที่อยู่ติดทะเลบริเวณลากูน่าจะมีราคาสูง เนื่องจากปัจจุบันราคาประกาศขายที่ดินต่อไร่อยู่ที่ประมาณ 25 ล้านบาท และที่ดินค่อนข้างเหลือน้อย จึงทำให้การพัฒนาวิลล่ามีการตั้งราคาขายค่อนข้างสูง ในส่วนพื้นที่บริเวณเชิงทะเลจะเป็นที่นิยมในการพัฒนามากขึ้น เนื่องจากที่ดินมีเหลืออยู่มากและอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองอีกทั้งยังใกล้กับโรงเรียนนานาชาติ รวมถึงบรรยากาศที่สงบแวดล้อมไปด้วยภูเขา

“ในช่วงเวลาที่กลุ่มชาวต่างชาติมาพักผ่อนและอยู่อาศัยเป็นครอบครัวในภูเก็ตมองหาบรรยากาศและสภาพแวดล้อมเหล่านี้  อย่างไรก็ตามการพัฒนาวิลล่าในภูเก็ตยังต้องพึ่งพาแรงสนับสนุนของกลุ่มต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ตลาดวิลล่ายังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต”

ประกายเพชร มีชูสาร หัวหน้าแผนกซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ระบุว่า ภาพรวมตลาดวิลล่าและคอนโดมิเนียมในภูเก็ต เติบโตอย่างต่อเนื่องหลังโควิด โดยเฉพาะการเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยตากอากาศระดับลักชัวรีที่เพิ่มมากขึ้น 

โดยคาดการณ์ทั้งปี 2566 มีคอนโดมิเนียมใหม่เปิดตัวรวมกว่า 3,000 ยูนิต เพิ่มขึ้น 8.9% จากปี 2565 ถือว่ามีการเปิดตัวโครงการมากกว่าช่วงปี 2561-2565 หรือคิดเป็น 2.03 เท่า โดยทำเลที่มีการเปิดตัวสูงที่สุดจะเป็นทำเลชายฝั่งตะวันตกกลาง West Coast (Central) หาดที่มีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมมากที่สุด คือ หาดบางเทา และหาดลายัน

"ลูกค้ากลุ่มลักชัวรีตัดสินใจซื้อที่พักอาศัยตากอากาศในภูเก็ต เป็นการซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า 79% อีก 21% ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองเป็นที่พักตากอากาศหรือบ้านหลังที่ 2"

จะเห็นว่า ศักยภาพของจังหวัดภูเก็ตรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ และต่างประเทศ มีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ทั้งโครงการระยะสั้นและระยะยาว อาทิ การขยายท่าอากาศยานภูเก็ตระยะที่ 2 จะเปิดให้บริการในปี 2571 รองรับนักท่องเที่ยวชาวไทย และต่างชาติที่จะมายังภูเก็ตกว่า 18 ล้านคนต่อปี 

รวมถึงการสร้างทางด่วนสายใหม่กะทู้-ป่าตอง และโครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับใหม่ ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพของภูเก็ตให้สามารถดึงดูดผู้มาเยือนทั้งนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย (Expat) ซึ่งมีจำนวนสูงเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ