คดีหุ้นเป็นพิษ! ยื่น กกต.สอบเงินบริจาค ภท.ผิด กม.เข้าข่ายถูกยุบพรรคหรือไม่
![คดีหุ้นเป็นพิษ! ยื่น กกต.สอบเงินบริจาค ภท.ผิด กม.เข้าข่ายถูกยุบพรรคหรือไม่](https://image.bangkokbiznews.com/uploads/images/md/2024/02/iLfJFA7YG5f01uHZqOwE.webp?x-image-process=style/LG)
'ธีรยุทธ' นำคำวินิจฉัยศาล รธน.ฉบับเต็มคดี 'ศักดิ์สยาม' ให้ 'นอมินี' ถือหุ้น หจก.บุรีเจริญฯ ยื่น กกต.สอบปม 'ภูมิใจไทย' รับเงินบริจาค เข้าข่ายผิดกฎหมาย เป็นเหตุให้ต้อง 'ยุบพรรค' หรือไม่
เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความของนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพระพุทธะอิสระ ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบการรับเงินบริจาคของพรรคภูมิใจไทยจากห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม อดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย สิ้นสุดลง เนื่องจากเห็นว่ามีพฤติการณ์อันน่าเชื่อได้ว่าให้ "นอมินี" ถือครองหุ้นแทน โดยเห็นว่าเงินบริจาคดังกล่าว อาจเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้เข้าข่ายยุบพรรคภูมิใจไทย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92(3)
นายธีรยุทธ กล่าวถึงการยื่นให้ กกต. ตรวจสอบการบริจาคเงินให้พรรคภูมิใจไทยว่าเข้าข่ายรับเงินโดยมิชอบตามกฎหมาย เข้าข่ายถูกยุบพรรคหรือไม่ ว่า เนื่องจากตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีการระบุชัดว่านายศักดิ์สยาม ยังคงเป็นผู้ถือหุ้น ในห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น และการที่ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวนำเงินมาบริจาคให้กับพรรคภูมิใจไทย ในปี 2565 จำนวน 6 ล้านบาท อาจเป็นเงินที่ได้มาโดยมีเจตนาลวง ซ่อนเร้นหรือนิติกรรมอำพราง ฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหมวด 9 ว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์มาตรา 187 จึงมีผลให้เงินบริจาคให้กับพรรคภูมิใจไทยจำนวนดังกล่าวอาจเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งต้องห้ามตามมาตรา 72 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่กำหนดห้ามมิให้พรรคการเมือง และผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นายธีรยุทธ กล่าวว่า จึงขอให้ กกต.และนายทะเบียนดำเนินการกับพรรคภูมิใจไทย โดยไม่เลือกปฏิบัติ เพราะก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยมีคำวินิจฉัยวางบรรทัดฐานไว้ในคำวินิจฉัยที่ 5/63 กรณียุบพรรคอนาคตใหม่ว่า การกู้ยืมเงินของพรรคอนาคตใหม่ จึงมีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยง การรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดตามราคา 66 เมื่อการรับบริจาคดังกล่าวต้องห้ามตามมาตรา 66 จึงเป็นการรับบริจาคเงิน โดยรู้หรือควรรู้ว่าใดมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 7 กรณีจึงถือได้ว่าพรรคอนาคตใหม่กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 72 และสั่งให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ตามมาตรา 92 กรณีของพรรคอนาคตใหม่ศาลได้วินิจฉัยแหล่งที่มาของเงิน ว่าเป็นแหล่งที่มาโดยไม่ชอบ กรณีของนายศักดิ์สยามที่ดำเนินการสร้างกระบวนการ ที่ศาลวินิจฉัยแล้วว่า มีการซ่อนเร้นปิดบังการบริจาคเงิน ทั้งที่กฎหมายได้วางแนวไว้ว่าห้าม นิติบุคคลใดที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับรัฐมนตรี อาจนำไปสู่การขัดกันแห่งผลประโยชน์ เพื่อรักษาไว้เพื่อความสุจริตในการบริหารราชการ
"จึงนำกรณีของพรรคอนาคตใหม่ มาเสนอต่อ กกต. เพื่อให้ กกต.ดำเนินการตรวจเทียบ กับการพิจารณากรณีของนายศักดิ์สยาม และพรรคภูมิใจไทย เพื่อให้การดำเนินการของ กกต.ไม่ขยายเกินไปกว่าคำวินิจฉัยของศาลจนทำให้เกิดความล่าช้า หรือต้องไปรอคำชี้แจงของหน่วยงานอื่นๆ เช่น การรับงานของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่นเป็นการฮั้วประมูลหรือไม่ และมีการนำเงินที่เกิดจากการกระทำความผิดนั้นมาบริจาคให้พรรคการเมืองหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะเกิดความล่าช้า เพราะต้องไปรอคำชี้แจงจากหน่วยงานอื่น แต่ในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ระบุเอาไว้แล้วว่าแหล่งที่มาของเงิน ที่ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่นนำมาบริจาค ให้กับพรรคภูมิใจไทยมิชอบด้วยกฎหมาย ก็เพียงพอที่ กกต.จะวินิจฉัยได้แล้ว" นายธีรยุทธ กล่าว