'สส.ภูมิใจไทย' โวย ตั๋วเครื่องบินแพง ฉุดท่องเที่ยวอันดามัน สะดุด

'สส.ภูมิใจไทย' โวย ตั๋วเครื่องบินแพง ฉุดท่องเที่ยวอันดามัน สะดุด

“สส.ภูมิใจไทย” โวยตั๋วเครื่องบิน ฉุดการท่องเที่ยวอันดามัน-วัดไร้คนทำบุญ จี้ สำนักงานการบินพลเรือน เร่งแก้

ที่รัฐสภา นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย สส.ภาคใต้ฝั่งอันดามัน พรรคภูมิใจไทย แถลงถึงปัญหาราคาบัตรโดยสารเครื่องบินไปจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ที่ราคาแพงเกินจริง ว่า ในปัญหาดังกล่าวพรรคภูมิใจไทย ได้ตั้งกระทู้ถามรัฐบาลไปแล้ว และขอบคุณนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ที่เชิญสำนักงานการบินพลเรือนมาหารือ

แต่สำนักงานการบินพลเรือน ตอบไม่ตรงข้อเท็จจริง เพราะบัตรโดยสารปัจจุบันยังคงแพงจนทำให้ประชาชนชาวใต้ได้รับผลกระทบ และนายกรัฐมนตรีก็ยอมรับว่า บัตรโดยสารเครื่องบินราคาแพงกว่าราคาเดินทางไปยังต่างประเทศ ซึ่งสถานการณ์ก่อนโควิด-19 ราคาบัตรโดยสารยังถูกกว่าปัจจุบัน

“ปัจจุบันบัตรโดยสารไปจ.กระบี่ พังงา สตูล ตรัง และจังหวัดฝั่งอันดามันทั้งหมดแพง จนทำให้ประชาชนภาคใต้ไม่เดินทางกลับภูมิลำเนา และไม่ไปร่วมงานบุญใด ๆ เพราะบัตรโดยสารแพง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นอุปสรรคจูงใจนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงราคายังไม่เป็นธรรม เช่น ราคาบัตรโดยสารจากกระบี่ ไปเชียงใหม่ ราคา 2,000 บาท แต่ราคาจากเชียงใหม่ มากระบี่ราคา 6,000 บาท จึงทำให้จ.กระบี่เสียเปรียบ ดังนั้นชาวกระบี่ หรือภูเก็ต ก็จะขับรถมาขึ้นเครื่องที่สุราษฎร์ธานี หรือนครศรีธรรมราช เนื่องจาก บัตรโดยสารราคาถูกกว่า

จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เลิกวิธีคิดและการอ้างหากต้องการบัตรโดยสารราคาถูกให้จองล่วงหน้า 2-3 เดือน เพราะก่อนหน้านี้ให้สารการบินโลว์คอส มาทำกิจการในประเทศไทย ก็มีการตัดราคาจนบริษัทรถโดยสารในประเทศ และ บขส.ได้รับผลกระทบ ขอสังเกตว่าบัตรโดยสารแพงนี้ รัฐมีการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนหรือไม่”นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าว

นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวต่อว่า พวกตนมีความกังวลหลังมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น แต่สายการบินกลับไม่เพิ่มเที่ยวบิน โดยเฉพาะปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียหนีสงครามมาใช้ชีวิตท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมถึงยังมีนักท่องเที่ยวชาวจีน อิตาลี ฯลฯ มาท่องเที่ยวในประเทศไทย โรงแรมเต็มทั้งหมด แต่สายการบินไม่เพิ่มเที่ยวบิน จึงทำให้ราคาแพงกว่าในอดีต ประหนึ่งเป็นการตักตวงทำกำไรชดเชยในช่วงโควิด-19  นอกจกานั้นยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักในประเทศไทย เข้ามาประกอบอาชีพที่กฎหมายสงวนไว้ให้เฉพาะคนไทยประกอบอาชีพเท่านั้น

อาทิ ร้านตัดผม ร้านอาหาร โดยให้นายหน้า หรือนอมินีคนไทยเป็นผู้จดทะเบียนแทน จึงทำให้เกิดปัญหาการแย่งงานคนไทย ซึ่งอาจทำให้คนไทยถูกแย่งอาชีพในอนาคตได้ และยังมีชาวต่างชาติรวมตัวกันตั้งกลุ่มอิทธิพลดำเนินกิจการด้านโรงแรม และพัวพันยาเสพติด จึงขอให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นทางด้วย