ป.ป.ช.ฟัน 'ชัยวัฒน์' ปมสร้างอาคารในแก่งกระจานมิชอบ ชง อสส.-ก.ทรัพยฯลงดาบ

ป.ป.ช.ฟัน 'ชัยวัฒน์' ปมสร้างอาคารในแก่งกระจานมิชอบ ชง อสส.-ก.ทรัพยฯลงดาบ

ป.ป.ช.ชี้มูลผิด 'ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร' เมื่อครั้งนั่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมพวก ผิด ม.157 ปมกล่าวหาเอื้อประโยชน์สร้างอาคารที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ มิชอบ ชง อสส.ฟ้องอาญา ส่งสำนวนให้ ก.ทรัพยากรฯ ลงโทษทางวินัยใน 30 วัน ไม่ต้องตั้ง กก.สอบฯอีก

เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2567 รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ แจ้งว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนการไต่สวน กรณีได้รับเรื่องกล่าวหาว่า นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี กับพวก ดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยาน (ห้วยคมกฤต) ในพื้นที่อุทยานฯแก่งกระจาน โดยมิชอบด้วยกฎหมาย มายังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในช่วงปลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา

โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาไต่สวนเบื้องต้น มีมติว่า การกระทำของนายชัยวัฒน์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) , และความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ใน มาตรา 4 และมาตรา 12 ฐานตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อวัตถุประสงค์จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมฯ และฐานกระทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือการกระทำใดๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมฯ 

ความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172  ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต รวมทั้งมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต และฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 85 (1) และ (4)

ส่วนการกระทำของ น.ส.สุพร พลพันธ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล แต่มีมูลความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการด้วยความตั้งใจ อุตสาหะ เอาใจใส่ และรักษาประโยชน์ของทางราชการ ตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2551 มาตรา 82 (3)

การกระทำของนายดวงเพชร หรือ ดวง สังข์ทอง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 พบมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ฐานตกลงร่วมกันในการเสนอราคาฯ , ความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ใน มาตรา 4 และมาตรา 12, ความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนักงานราชการพ.ศ.2547 ข้อ 24 (8)

ส่วนนายนิจิตณาพงศ์ หรือ พิชัย บัณฑิตสมิทธ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล แต่มีมูลความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายร้าย ตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (3)
 
ทั้งนี้จึงส่งเรื่องมายังกระทรวงทรัพยากรฯ เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยแก่ นายชัยวัฒน์ น.ส.สุพร และนายดวงเพชร ในฐานความผิดดังกล่าว ตามมาตรา 91 (2) และมาตรา 98 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2561 ทั้งนี้ เมื่อได้รับสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการป.ป.ช. แล้ว ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาโทษตามฐานความผิดที่คณะกรรมป.ป.ช. ได้มีมติ โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยอีก และสั่งลงโทษผู้ถูกกล่าวหาภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับเรื่อง และขอให้ส่งสำเนาคำสั่งลงโทษให้คณะกรรมการป.ป.ช.ทราบต่อไป

รวมทั้งขอให้ดำเนินการทางวินับไปตามหน้าที่และอำนาจกับนายนิจิตณาพงศ์ ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 64 รวมทั้งดำเนินการเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ด้วย

สำหรับความผิดทางอาญาได้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแก่บุคคลดังกล่าวแล้ว