คปท.ยื่น 3 ข้อถึง อสส.คดี 112 'ทักษิณ' อัยการยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

คปท.ยื่น 3 ข้อถึง อสส.คดี 112 'ทักษิณ' อัยการยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

เครือข่าย คปท.บุกถาม อสส.ยื่น 3 ประเด็นหลัง 'ทักษิณ' โดนแจ้งข้อหาตาม ม.112 แต่จะได้รับการพักโทษ 18 ก.พ.นี้ ด้านรองโฆษกอัยการฯยัน ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2567 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล และนายนัสเซอร์ ยีหมะ ร่วมกับกลุ่ม ศปปส. และกลุ่มกองทัพธรรม มายื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด เพื่อสอบถามความคืบหน้าในคดีนายทักษิณ ชินวัตร ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ เมื่อ วันที่ 21 พ.ค. 2558 ซึ่งเป็นความผิดนอกราชอาณาจักรที่ อยู่ในความรับผิดชอบของอัยการสูงสุด

โดยนายพิชิต กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อสอบถามและยื่นความเห็นให้อัยการสูงสุด นำไปประกอบการพิจารณา หลังจากโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด มีการแถลงข่าวว่าวันที่ 17 ม.ค. 2567 ว่าได้มีการไปแจ้งข้อหา นายทักษิณ ชินวัตร ในความผิด มาตรา 112 และผู้ต้องหาได้ยื่นขอความเป็นธรรม ทางกลุ่มมีความเห็นใน 3 ประเด็นที่นำมายื่นวันนี้ คือ การที่นายทักษิณ ร้องขอความเป็นธรรมที่โดนคดีนี้นั้น ทางกลุ่มเห็นว่า การที่กองทัพบกมาร้องทุกข์ให้อัยการสูงสุดแจ้งข้อหานั้น เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะผู้ต้องหาไม่มาชี้แจง ต่อสู้คดีเองในเวลาที่ผ่านมา เนื่องจากหลบหนีออกนอกประเทศ ดังนั้น การยื่นขอความเป็นธรรม จึงไม่ใช่เหตุที่ต้องควรนำมาพิจารณา จึงมาขอให้ อัยการสูงสุดนำประเด็นนี้ไปประกอบการพิจารณาด้วย และทางกลุ่มฯ ต้องการให้อัยการสูงสุด ชี้แจงขั้นตอนการดำเนินการหลังนายทักษิณได้รับการพักโทษให้ชัดเจน ว่าจะมีมาตรการกับผู้ต้องหาอย่างไร จะมีการอายัดตัว หรือจะให้ประกันตัว หรือจะถ่วงเวลาไปให้พ้นโทษ ก็ต้องชี้แจงให้ชัดเจน

นายพิชิต กล่าวอีกว่า รวมถึงจากการที่ตัวแทนกลุ่มได้ไปสอบถามแพทย์ที่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2567 ก็พบข้อขัดแย้ง เพราะแพทย์ชี้แจงว่า ที่ผ่านมา ไม่มีหน่วยงานไหนขึ้นไปห้องที่นายทักษิณ รักษาตัวอยู่บนชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจเลย นอกจากผู้ตรวจการแผ่นดิน แล้วที่อัยการสูงสุดแถลงว่า มีการไปแจ้งข้อกล่าวหานั้น เกิดขึ้นที่ไหน อย่างไร เพราะการแจ้งข้อกล่าวหาจะต้องแจ้งต่อหน้าผู้ต้องหา

นายพิชิต กล่าวด้วยว่า ในวันนี้ทางกลุ่มได้มายื่นหนังสือไว้ และหากหลังวันที่ 18 ก.พ. 2567 หรือวันที่นายทักษิณได้รับการพักโทษแล้ว ยังไม่ได้รับความชัดเจนในเรื่องนี้ ก็จะกลับมาทวงถามอีกครั้ง พร้อมยืนยันว่า ในช่วงวันที่คาดว่า นายทักษิณจะได้รับการทำโทษนั้น ทางกลุ่มจะมีการทำกิจกรรม แต่ยังอยู่ระหว่างการหารือกัน โดยจะมีการไปต้อนรับที่หน้าโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อไปพิสูจน์ข้อเท็จจริง เพราะได้ทวงถามเรื่องนี้มาตลอดหลายสัปดาห์ว่านายทักษิณจะออกจากโรงพยาบาลตำรวจมาในลักษณะไหน จะแข็งแรงหายป่วยทันทีหลังจากป่วยหนักมา 180 วันหรือจะออกมาแบบเป็นผู้ป่วยติดเตียง โดยจะเป็นการทำกิจกรรมเพื่อไปพิสูจน์ข้อเท็จจริง

"กลุ่มผู้ชุมนุม จะยังคงปักหลักชุมนุมที่สะพานชมัยมรุเชษฐต่อไปแม้นายทักษิณจะได้รับการพักโทษ เพื่อติดตามกรณีที่ก่อนหน้านี้ ได้ยื่นให้ ป.ป.ช. สอบข้อเท็จจริงกับข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้นายทักษิณออกมารักษาตัวนอกเรือนจำ จนกว่าจะได้รับความชัดเจนจาก ป.ป.ช." นายพิชิต กล่าว

ขณะที่นายณรงค์ ศรีระสันต์ พร้อมด้วย นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นตัวแทนมารับหนังสือ โดยนายณรงค์ กล่าวว่า สำหรับสำนวนคดีนี้ ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้บริหาร โดยเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จึงต้องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้สั่งคดี ซึ่งถ้ามีคำสั่ง โฆษกฯ ก็จะแถลงถึงความชัดเจนต่อไป ส่วนเรื่องของการพักโทษได้มีการแถลงข่าวชัดเจนไปแล้วก่อนหน้านี้ว่ามีกระบวนการอย่างไร และประเด็นที่ทางกลุ่มไม่เห็นด้วยกับการร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหา ก็จะนำหนังสือที่ยื่นวันนี้รายงานต่ออัยการสูงสุดเพื่อพิจารณา สำหรับประเด็นเรื่อง การเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหานั้น ไม่สามารถตอบได้ เป็นข้อมูลของพนักงานสอบสวน

ขณะที่ นายนาเคนทร์ กล่าวว่า สำนักงานอัยการสูงสุด สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเหมือนพวกท่านทุกคน แต่ด้วยหน้าที่ของอัยการในการพิจารณา ก็จะพิจารณาตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ และให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ขอให้ทุกคนสบายใจได้เพราะอัยการพร้อมจะให้ความเป็นธรรม พร้อมปกป้องเทิดทูลสถาบันฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังยื่นหนังสือเสร็จสิ้น ทางกลุ่มก็เดินทางกลับไปทำกิจกรรมต่อที่เวทีหลักของการชุมนุม สะพานชมัยมรุเชษฐ ทำเนียบรัฐบาลทันที