'ปานปรีย์' ลงพื้นที่ จ.ตาก เร่งแก้ปัญหาชายแดนไทย-เมียนมา หนุนลงทุน

'ปานปรีย์' ลงพื้นที่ จ.ตาก เร่งแก้ปัญหาชายแดนไทย-เมียนมา หนุนลงทุน

“ปานปรีย์”​ลงพื้นที่ จ.ตาก รับฟังความเห็น ส่งเสริมลงทุนชายแดนไทย-เมียนมา ยัน​ไม่มีนโยบายคว่ำบาตรการค้าเมียนมา​ เหตุชายแดนติดกัน หวั่นส่งผลกระทบปชช. 2 ประเทศ​ ลั่น​รัฐบาลเอาจริง อาชญากรรมข้ามชาติ​ ค้ามนุษย์​ ​พนันออนไลน์ ทุนจีนสีเทา ทำกระทบทั้งโลก​

9 กพ.2567 จ.ตาก นายปานปรีย์​ พหิทธานุกร​ รองนายก​รัฐมนตรี ​และรมว.ต่างประเทศ​ เดินทางลงพื้นที่ใน อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นของผู้ประกอบการรายย่อยและสิ่งที่ต้องการรับการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 

โดยได้พบปะกับสมาคมนักธุรกิจไทยในเมียนมา (TBAM) เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นต่อแนวทางการส่งเสริมการค้าการลงทุนไทย-เมียนมา โดยเฉพาะการค้าชายแดน โดยชื่นชมบทบาทของ TBAM ในการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของไทยในเมียนมาและเน้นย้ำถึงความพร้อมของกระทรวงการต่างประเทศในการให้การสนับสนุนนักลงทุนไทยในเมียนมาอย่างเต็มที่

นายปานปรีย์ ให้สัมภาษณ์หลังตรวจเยี่ยมตลาดริมเมย​ อ.แม่สอด ใกล้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 ว่า​ การลงพื้นที่ในครั้งนี้ถือว่าได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ในเรื่องที่จะใช้พื้นที่ อ.แม่สอด​ เป็นพื้นที่ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในประเทศเมียนมา ซึ่งจากนี้ไปจะมีพัฒนาการโดยลำดับ เพราะดูแล้วเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม และเชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่ทุกฝ่ายน่าจะยอมรับได้

\'ปานปรีย์\' ลงพื้นที่ จ.ตาก เร่งแก้ปัญหาชายแดนไทย-เมียนมา หนุนลงทุน

ขณะเดียวกันก็มารับฟังปัญหาของจังหวัด เรื่องการค้าขายและเศรษฐกิจ โดยได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากประธานสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า​ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ซึ่งให้ข้อมูลครอบคลุม ซึ่งผลกระทบด้านการค้าขายเห็นชัดเจนโดยลดลงจาก 1.3 แสนล้าน​บาท เหลือเพียง 1 แสนล้านบาท​ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเดินหน้าแก้ไข ให้เกิดเสรีภาพในเมียนมาโดยเร็ว​ หากเมียนมาเกิดความสงบ ก็จะทำให้การค้าขายบริเวณชายแดนดีขึ้น

นายปานปรีย์​ ยังตอบคำถามถึงเหตุผลที่ไทยไม่ใช้มาตรการคว่ำบาตรการค้าเมียนมาเพื่อตอบโต้ โดยระบุว่า​ วันนี้ผู้ประกอบการเป็นประชาชนธรรมดา ที่ทำมาหากินอยู่ในพื้นที่ ประชาชนสองฝั่งที่ค้าขายกันก็ไม่ใช่นักรบ ประเทศไทยเองก็มีผู้ที่ค้าขายอยู่ตามแนวชายแดน เมื่อคนไทยได้รับผลกระทบ ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ต้องช่วยให้เขายืนอยู่ต่อไปได้ ไม่ใช่ปล่อยให้ล้มละลาย

ในเรื่องการแซงชั่น ก็ทราบว่ามีการแซงชั่น แต่ไทยมีชายแดนติดกับเมียนมาไม่เหมือนกับบางประเทศที่อยู่ไกล ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร​กับเขา แต่เรามีผลกระทบมาก การค้าขายในระดับเล็กก็มีอยู่จำนวนมาก ส่วนระดับใหญ่ก็มีเรื่องพลังงาน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก หากใช้ความรุนแรง ก็จะได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อประเทศไทย เชื่อว่าคนไทยไม่ประสงค์ให้สิ่งเหล่านี้ขึ้นเกิด

นายปานปรีย์​ ย้ำด้วยว่า​ ขณะนี้ไทยกำลังดูแลปัญหาอาชญากรรมอย่างจริงจัง​ ปัญหาเรื่องค้ามนุษย์ ไทยก็แก้ไขไปในระดับที่ดีมาก และอยู่ในจุดที่ไม่มีใครพูดถึง ว่าไทยมีปัญหาเรื่องค้ามนุษย์ แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่ต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้นอีก​

\'ปานปรีย์\' ลงพื้นที่ จ.ตาก เร่งแก้ปัญหาชายแดนไทย-เมียนมา หนุนลงทุน

สำหรับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และปัญหาอาชญากรรมตามแนวชายแดนไทย​-เมียนมา นายปานปรีย์​ ระบุว่า​ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบแก้ไข และเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ซึ่งการมารับฟังปัญหาครั้งนี้ ตนเห็นว่าเป็นภัยคุกคามประเภทใหม่ ที่ไม่สามารถละเลยได้ จนทำให้ปัญหากาสิโนกลายเป็นเรื่องเล็กไปแล้ว แต่มีปัญหาการพนันออนไลน์ และการค้ามนุษย์เกิดขึ้น รวมไปถึงอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อย่างการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องหยุดให้ได้

แต่ไทยเพียงประเทศเดียว ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศหลายประเทศ ไม่ใช่เฉพาะประเทศที่มีชายแดนติดกัน แต่ประเทศในภูมิภาคอื่น ก็ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ ที่ตนเดินทางไปประชุมอียู ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้ เพราะอียูได้รับผลกระทบจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีด้วย จึงเป็นเรื่องเร่งด่วน ที่ต่อไปจะต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดคุย และหารือกับประเทศที่เกี่ยวข้องต่อไป​

ทั้งนี้ นายปานปรีย์​ ยังระบุด้วยว่า ไม่เพียงคนไทยที่ถูกหลอกเข้าไปทำงานยังกาสิโนประเทศเพื่อนบ้าน แต่ยังมีชาวต่างชาติด้วย ซึ่งเดิมมีคนไทยอยู่จำนวนมากก็จริง และมีข่าวว่าจะมีคนไทยไหลออกมาเป็นพันคนนั้น ตนยืนยันว่าไม่จริง โดยได้รับรายงานล่าสุด มีเพียง 80 คน และไม่ใช่คนไทยทั้งหมด​ มีคนไทยเพียง​ 8 คน​ อีก 18 คนเป็นชาวต่างชาติ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานให้ทราบ เป็นเรื่องใหญ่ที่ทางอาเซียน และอียู รวมไปถึงสหรัฐ ให้ความสำคัญ และเราต้องเร่งแก้ไขโดยเร็ว​

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจะตรวจสอบเพิ่มหรือไม่ เนื่องจากมีลักษณะคล้ายในเลาก์ก่าย นายปานปรีย์​ กล่าวว่า จากที่ได้รับรายงานจากทาง จ.ตาก มีประมาณคนไทยลดน้อยลง เนื่องจากเริ่มรู้ตัวแล้วว่า มีอันตราย​ และคงรู้แล้วว่า หากเดินทางไปจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ปัญหาใหม่ คือเป็นมีคนมาจากประเทศอื่นซึ่งเดินทางมาไกล ไม่น่าเชื่อว่าเดินทางเข้ามาได้​ ได้สอบถามทางผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว​ ยืนยันว่าไม่ได้ใช้ไทยเป็นทางผ่าน แต่เดินทางตรงไปยังเมียนมาเอง และสร้างปัญหาให้กับเมียนมาเช่นกัน

เวลานี้ที่จะประสานงาน ไม่ใช่เรื่องง่าย​ เพราะจะต้องประสานงานกับกลุ่มที่ดูแลพื้นที่นั้น​ อย่างเรื่องเลาก์ก่าย​ ทางจีนก็ดูแลดี พอทราบว่ามีสถานการณ์เกิดขึ้น ก็รีบเข้าไปดำเนินการ และจัดการคนที่ทำผิดกฎหมายของเขาในพื้นที่เลาก์ก่าย

\'ปานปรีย์\' ลงพื้นที่ จ.ตาก เร่งแก้ปัญหาชายแดนไทย-เมียนมา หนุนลงทุน

ส่วนปัญหาความไม่สงบในประเทศเมียนมา ส่งผลกระทบต่อการพูดคุยอย่างไร นายปานปรีย์​ กล่าวว่า เฉพาะในเมียนมา ก็มีความยากลำบากขึ้นในระดับหนึ่ง เนื่องจากพบการแบ่งเป็นกลุ่มๆ หลายจุดอย่าง​ เช่น อยู่ตรงข้าม อ.แม่สอด ​ก็เป็นอีกกลุ่ม ห่างไปอีกจังหวัดก็เป็นอีกกลุ่ม ฉะนั้นใครก็ตามที่ให้การสนับสนุนในเรื่องนี้อยู่ ก็คงต้องหยุด ลำพังผู้มาลงทุนในเมียนมา และบริเวณติดกับชายแดนไทย หากไม่มีนักลงทุนขนาดใหญ่มาลงทุน ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ จึงเป็นปัญหาระหว่างประเทศที่เราต้องหารือกัน และชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการเร่งแก้ไขปัญหานี้ด้วยกัน หากไม่แก้ไขปัญหาเรื่องนี้​ ชาวโลกก็จะได้รับผลกระทบกันหมด