‘บ้านใหญ่’ เปลี่ยนเกม ฝ่ามรสุม สลับขั้วซบ ‘ก้าวไกล’

‘บ้านใหญ่’ เปลี่ยนเกม ฝ่ามรสุม สลับขั้วซบ ‘ก้าวไกล’

การที่ “บ้านใหญ่” เริ่มตัดสินใจไปร่วมงานกับ “ก้าวไกล” เป็นอีกปรากฎการณ์สำคัญ ต่างจากหลายยุคที่ผ่านมา ซึ่งบ้านใหญ่มักผูกตัวเองกับเครือข่ายอำนาจ หรืออยู่กับผู้ชนะ มาวันนี้ บ้านใหญ่กำลังเปลี่ยน เลือกอยู่กับผู้ชนะ(เลือกตั้ง) แต่ไม่เคยได้เสวยอำนาจ

Key Points

  • ก้าวไกลที่กำลังเผชิญเกมเสี่ยงยุบพรรค ตัดสิทธิกก.บห. แต่ก็ยังเนื้อหอม เป็นคำตอบของการเมืองบ้านใหญ่ ที่เริ่มเปลี่ยนเกมใหม่ ม.112 อาจจะไม่มีผลต่อการตัดสินใจ 
  • บ้านใหญ่บางจังหวัดขยับ ผ่องถ่ายคนในสายตัวเองเข้าสังกัดก้าวไกลเรียบร้อย เพราะมองว่าเป็นทางรอดในทางการเมืองวันหน้า
  • มีการจัดทัพสู้ศึกเลือกตั้งอบจ. และเลือกตั้งใหญ่ แม้อนาคตจะมีชื่อก้าวไกล หรือต้องเปลี่ยนเป็นพรรคใหม่ก็ตาม 
  • พรรคเบอร์หนึ่งในสายก้าวหน้า กำลังเป็นคำตอบที่ตรงใจบ้านใหญ่ ซึ่งเจ็บซ้ำจากกระแสสีส้มในการเลือกตั้ง ปี66 หมดทรัพยากรไปเยอะ 

กำลังเจอบททดสอบสำคัญอีกครั้ง สำหรับพรรคก้าวไกล ที่เพิ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า มีพฤติกรรมหลายอย่างประสานสอดคล้องเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง อันเป็นผลมาจากแคมเปญหาเสียงเลือกตั้ง ชูธงแก้ไข ม.112

ด่านต่อไปของก้าวไกล ต้องเผชิญดาบยุบพรรค และบ่วงจริยธรรม ที่มีการไปร้อง ป.ป.ช. ให้เชือด 44 สส.ของก้าวไกล ที่เข้าชื่อเสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ม.112

วิธีการยุบพรรค อาจถูกมองจากบางฝ่ายว่า ยังใช้ได้ผลในการตัดตอนก้อนความคิดบางฝ่ายในทางการเมืองไม่ให้เติบโต แต่ดูไปแล้วอาจจะสวนทางกับก้าวไกล ที่เคยโดนยุบมาแล้วตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ แต่ทำไมจำนวน สส.มีแต่จะเพิ่มขึ้น

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่แกนนำก้าวไกลจะหาทางลง หรือสยบยอมอย่างไร แต่ดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มความทะเยอทะยาน ในการเดินหน้าต่อในทางการเมือง ตามที่ ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศความพร้อม มีการเตรียมตัวไว้ในทุกซิเนริโอ

พูดง่ายๆ ก็อาจตีความ ความหมายของหัวหน้าต๋อมได้ก็คือ ถ้าก้าวไกลจะถูกยุบพรรคอีกครั้ง ก็ได้เตรียมสถานการณ์รองรับไว้หมดแล้ว

ประเด็นคู่ขนานที่น่าสนใจคือ การขยับของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ที่มีจุดยืนอยู่ตรงข้ามก้าวไกลมาตลอด ถึงวันนี้ได้ตกผลึก เพื่อเดินหมากในเกมการเมือง ขยักต่อไปเป็นที่เรียบร้อย

โดยแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคที่ว่านั้น มีฐานที่มั่นในจังหวัดใหญ่จังหวัดหนึ่ง ซึ่งเริ่มลดบทบาทกับพรรคเดิมของตัวเองลง 

เนื่องจากถอดบทเรียนหลังการเลือกตั้งปี 66 สถานการณ์ของพรรค เข้าขั้นน่าเป็นห่วง และยังมองไม่เห็นจุดเปลี่ยนเป็นขาขึ้น

การจะสู้เลือกตั้งด้วยระบบอิทธิพล สาดกระสุนแบบที่แล้วมา ก็เห็นแล้วว่า ไม่ได้ผลเหมือนเดิม คะแนนจัดตั้งที่เป็นจุดแข็งของบ้านใหญ่ ที่หลายจังหวัดมั่นใจอกมั่นใจ กลับพลิกล็อก บาดเจ็บหนัก ล้มกันระเนระนาด เมื่อเจอกระแสสีส้มโกยคะแนนจนพาก้าวไกลปักธง สส. และกวาดคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ทั่วประเทศเป็นกอบเป็นกำ

บ้านใหญ่บางหลัง รู้ซึ้งถึงความแรงของก้าวไกล แทนที่จะตั้งท่าปฏิเสธเหมือนก่อน ก็มองว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องไปสมทบกับพรรคเบอร์หนึ่งในสายก้าวหน้า เติมเต็มซึ่งกันและกัน ใช้จุดแข็งความเป็นบ้านใหญ่ มีเครือข่าย มีคนของตัวเองในการเมืองท้องถิ่น มีคะแนนจัดตั้ง ผสานเข้ากับจุดแข็งของก้าวไกลที่มีกระแส จะช่วยลดทรัพยากรในการเลือกตั้งลงไปได้เยอะ

โดยบ้านใหญ่ในจังหวัดใหญ่ที่ถูกระบุ เริ่มทยอยผ่องถ่ายตัวบุคคลในเครือข่าย ซึ่งกระจายอยู่หลายจังหวัด ไปสังกัดพรรคก้าวไกลแล้ว เพื่อล็อคที่ทาง เตรียมลงทำศึกเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่อย่างสนาม อบจ. และการเลือกตั้งทั่วไป

นี่จึงเป็นหนึ่งในวิธีเอาตัวรอดของบ้านใหญ่ที่โดนดิสรัปชั่น ในเมื่อสู้ไม่ได้ ก็ย้ายไปเป็นพวกก้าวไกลเสียเลย ทั้งที่รู้เต็มอกว่า พรรคนี้มีมรสุมลูกใหญ่ อย่างการยุบพรรครออยู่ และสุ่มเสี่ยงที่กรรมการบริหารพรรค และสส.บางส่วน อาจถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง หรือถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต

การขยับจัดทัพของก้าวไกลวันนี้ และการที่พร้อมเปิดรับการเมืองบ้านใหญ่ จะนำพาก้าวไกล หรือพรรคสำรองของก้าวไกลเดินหน้าต่อไปอย่างไร เป็นทิศทางที่หลายฝ่ายจับตา ประเด็นล่อแหลม แก้ ม.112 จะฝ่อลง หรือหาทางลุยต่ออย่างไร

ทว่า การที่บ้านใหญ่เริ่มตัดสินใจไปร่วมงานกับพรรคก้าวไกล ก็เป็นอีกปรากฎการณ์สำคัญ แตกต่างจากหลายยุคที่ผ่านมา ซึ่งบ้านใหญ่มักผูกตัวเองกับเครือข่ายอำนาจ หรืออยู่กับผู้ชนะ เพื่อเอื้อประโยชน์ทางการเมืองให้กับพวกพ้องตัวเองในมิติต่างๆ

มาวันนี้ ความคิดเหล่านั้นกำลังแปรเปลี่ยน เมื่อบ้านใหญ่เลือกอยู่กับผู้ชนะ(เลือกตั้ง) แต่ไม่เคยได้เสวยอำนาจอย่างก้าวไกล จะเป็นแรงส่งให้บ้านใหญ่หลังอื่นๆ เดินตามกันมาหรือไม่อย่างไร อีกไม่นานคงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่รออยู่ตรงหน้า ไม่มากก็น้อย