‘อธิบดี’เป้านิ่ง แก๊งรีดไถ ฉกจุดอ่อนมีงบฯ ตบ-จูบ หากิน

‘อธิบดี’เป้านิ่ง แก๊งรีดไถ ฉกจุดอ่อนมีงบฯ ตบ-จูบ หากิน

เกมกระชากหน้ากาก ล้างบางนักร้อง และข้าราชการการเมืองนอกแถวครั้งนี้ ว่ากันว่า เป็นเพราะได้ไฟเขียวจาก “บิ๊กกระทรวงเกษตรฯ” ที่เหลืออดกับคนพวกนี้ และไม่แน่ว่า หลายคนอาจจะกำลังโดนเช็กบิลตามมาด้วยหรือไม่ จึงไม่ต้องแปลกใจ ถ้าวงการนักร้องช่วงนี้จะซบเซาลงไปอย่างถนัดตา

Key Points

  • ว่ากันว่า ปฏิบัติการกระชากหน้ากากขบวนการรีดไถ ตบทรัพย์ มาจากบิ๊กกระทรวงเกษตรฯ ไฟเขียว 
  • ในแวดวงข้าราชการระดับสูงรู้กันดี ถึงขบวนการหากินในลักษณะนี้ โดยมักข่มขู่ แอบอ้างผู้ใหญ่ในรัฐบาล
  • มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ระหว่างนักร้อง ข้าราชการการเมืองระดับล่าง หรือตัวละครอื่นๆ บางกรณีมีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
  • ตำแหน่งอธิบดี มักตกเป็นเป้านิ่ง เนื่องจากคุมหน่วนงาน มีงบประมาณในการบริหาร 
  • คนเป็นข้าราชการต่างหลีกเลี่ยงการถูกร้องเรียนตรวจสอบ เพราะเสียโอกาสในหน้าที่การงานไปหลายปี

เกมโอเวอร์ไปเรียบร้อยสำหรับขบวนการตบทรัพย์ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามทุจริต วางแผนจับกุม ได้แก่ ศรีสุววรณ จรรยา ยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก และพิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ ด้วยพฤติการณ์ข่มขู่เรียกรับผลประโยชน์จาก ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินการร้องเรียนตรวจสอบโครงการในหน่วยงาน

ชื่อของศรีสุวรรณ ติดทำเนียบนักร้อง(เรียน) มาอย่างยาวนาน จนเป็นที่คุ้นเคย โดยเฉพาะคนที่ติดตามการเมือง เขาคนนี้มักจะหาประเด็นร้องเรียนได้เสมอ มีชื่อปรากฎบนหน้าสื่อมาตลอด

ประเด็นที่หลายคนมีข้อสงสัยว่า พฤติการณ์ยื่นเรื่องร้องเรียนต่างๆ ของบรรดานักร้องมืออาชีพ เป็นกระทำการเพียงผู้เดียวมาตลอด โดยไม่มีคนมีอำนาจ หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียคอยหนุนหลังจริงหรือไม่ หรือร้องด้วยเจตนาบริสุทธิ์ มีอะไรแอบแฝงหรือไม่ วันนี้หลายคนน่าจะได้คำตอบ

ดูจากพฤติกรรมในเรื่องที่เกิดขึ้นกับอธิบดีกรมการข้าว เรียกว่าแบ่งงานกันทำชัดเจน เป็นขบวนการ มีคนจากฝ่ายการเมือง อย่างยศวัฒน์ และพิมณัฏฐา ที่มีพรรคการเมืองสังกัด มีตำแหน่งที่ฝ่ายการเมืองระดับผู้บริหารแต่งตั้ง

ถึงแม้จะมีการกล่าวอ้างว่า เจ๋ง ดอกจิก ไม่ได้เป็นคณะทำงานเขตตรวจราชการที่ 11 ของเพราะรองนายกฯ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงไปแล้วเมื่อ ธ.ค.2566 ที่ผ่านมา ตรงนี้ก็ต้องไปพิสูจน์กันต่อว่า การกระทำที่เข้าข่ายความผิด เกิดขึ้นก่อนมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงหรือไม่

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตำแหน่งข้าราชการการเมืองระดับล่างๆ หรือคณะทำงานต่างๆ ที่ผู้ใหญ่ในรัฐบาล หรือรัฐมนตรีแต่งตั้ง หรือที่ภาษาข่าวเรียกกันว่า ตำแหน่งเทกระโถน คือตำแหน่งที่เอาไว้ตอบแทน หรือปลอบใจให้กับพวกลูกน้องได้มีที่ทาง มีเงินเดือนเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่ได้มีบทบาทหน้าที่อะไรให้ทำเป็นชิ้นเป็นอัน 

จะเห็นได้ว่าหลายคนล่องลอย ไปพบคนนั้นที พบคนนี้ที ตามกระทรวง หรือทำเนียบรัฐบาล อยู่บ่อยๆ จนมีข้อสังเกตว่า เพื่อล็อบบี้ขออะไรต่างๆ นั่นก็เพราะส่วนหนึ่ง ไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการงานสำคัญๆ นั่นเอง

หลายคนจึงพยายามหาลู่ทาง ทำอะไรมิชอบ เช่น การข่มขู่รีดไถอธิบดีกรมการข้าว หรือบางกรณีที่เคยเกิดขึ้นคือ ตั้งตัวเป็นนายหน้าเรียกรับผลประโยชน์กับผู้ประกอบการที่ต้องการได้งานหรือโครงการต่างๆ มีคนจำนวนไม่น้อย หลงเชื่อคนเหล่านี้ จนสูญเงินเปล่า เสียทั้งเงิน แถมงานก็ไม่ได้ เจ็บใจสองต่อ

จุดสำคัญของคนที่ได้รับแต่งตั้งให้มีตำแหน่งแห่งหน แม้จะเป็นตำแหน่งเล็กน้อยในทางการเมือง แต่ก็เพียงพอในการสร้างเครดิต ความน่าเชื่อถือให้ตัวเอง คือพยายามผูกโยง อวดอ้างว่า ตัวเองใกล้ชิดคนใหญ่คนโตในรัฐบาล เพื่อเปิดทางหาทำมากิน

ตรงนี้จึงเป็นเทคนิคสำคัญของบรรดานักตบทรัพย์ทั้งหลาย โดยเฉพาะคนที่มีตำแหน่งพ่วงท้าย อ้างว่าเคลียร์ผู้ใหญ่ได้ ทั้งๆ ที่บุคคลที่ถูกแอบอ้างไม่รู้ด้วยซ้ำว่า พวกลูกน้องตัวดีไปอะไรกันไว้

ในแวดวงราชการรู้ดีว่า ขบวนการข่มขู่ รีดไถ มีมาตลอด เป็นระยะเวลายาวนาน อยู่ที่ว่าใครจะเอาตัวรอดอย่างไรเท่านั้น 

ข้าราชการบางคน โดยเฉพาะตำแหน่งอธิบดี คือเป้าหมายสำคัญของขบวนการนี้ เนื่องจากกำกับขับเคลื่อนงานในหน่วย และมีส่วนบริหารจัดการงบประมาณโดยตรง จึงเปิดช่องให้โดนล็อกเป้าเรียกรับผลประโยชน์ แลกกับการไม่ถูกร้องเรียนตรวจสอบ

โดยรูปแบบของขบวนการตบทรัพย์ก็มักใช้วิธีการเดิมๆ พอเห็นงบประมาณหน่วยงานนั้นเพิ่มจำนวนมากขึ้น ก็ตั้งท่าจะร้องเรียน แล้วจะมีคนมาแจ้งข้าราชการระดับสูงที่ตกเป็นเป้าว่า จะถูกดำเนินการตรวจสอบ เป็นการแบ่งซีนกันเล่น มีทั้งฝ่ายตบ และฝ่ายจูบ รับส่งกันอย่างเข้าขา

ข้าราชการบางคน ไม่อยากให้เรื่องวุ่นวาย ก็ต้องหาทางแก้ปัญหากันไป ตรงไหนจบได้ก็จบ ตรงไหนจบไม่ลง เรื่องก็แดงแบบที่เห็น เรื่องนี้คนในแวดวงข้าราการเขารู้กันดีว่า ต้องระมัดระวังใครคนใดเป็นพิเศษ

“คอนเซ็ปต์ของข้าราชการคือ ทำอย่างไรไม่ให้ถูกร้องสอบ เพราะการถูกร้องสอบแต่ละครั้ง กว่าจะพิสูจน์ตัวเองได้ ก็เสียโอกาสในหน้าที่การงานไปแล้ว 5-10 ปี ส่วนเรื่องกลัวไม่มีงบประมาณไปทำงานเป็นเรื่องรอง” แหล่งข่าวระดับสูง ระบุ

เกมกระชากหน้ากาก ล้างบางนักร้อง และข้าราชการการเมืองนอกแถวครั้งนี้ ว่ากันว่า เป็นเพราะได้ไฟเขียวจาก “บิ๊กกระทรวงเกษตรฯ” ที่เหลืออดกับคนพวกนี้ และไม่แน่ว่า หลายคนอาจจะกำลังโดนเช็กบิลตามมาด้วยหรือไม่ จึงไม่ต้องแปลกใจ ถ้าวงการนักร้องช่วงนี้จะซบเซาลงไปอย่างถนัดตา