‘อุ๊งอิ๊ง’ ยินดี 6 หนังไทย ไปฉายเทศกาลภาพยนตร์ Osaka Asian Film Festival

‘อุ๊งอิ๊ง’ ยินดี 6 หนังไทย ไปฉายเทศกาลภาพยนตร์ Osaka Asian Film Festival

"อุ๊งอิ๊ง" ยินดี 6 หนังไทย ได้ไปฉายเทศกาลภาพยนตร์ Osaka Asian Film Festival โดยไปในนามรัฐบาล ผลจากการรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนคนทำภาพยนตร์

เมื่อวันที่ 28 ม.ค.67 "อุ๊งอิ๊ง" นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื้อไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ โพสต์แสดงความยินดีกับ 6 ภาพยนตร์ไทย ได้ไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ โดยระบุว่า

"ขอแสดงความยินดีกับภาพยนตร์ไทยทั้ง 6 เรื่องที่ได้ไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์ Osaka Asian Film Festival โดยรัฐบาลสนับสนุนจัดโปรแกรมภาพยนตร์ไทยในชื่อ Thai Cinema Kaleidoscope 2024

 

ภาพยนตร์ทั้ง 6 เรื่อง ที่ได้ไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์ Osaka Asian Film Festival คือ

  1. สัปเหร่อ (The Undertaker) กำกับโดย ธิติ ศรีนวล
  2. เพื่อน(ไม่)สนิท (Not Friends) กำกับโดย อัตตา เหมวดี
  3. ทะเลของฉันมีคลื่นเล็กน้อยถึงปานกลาง (Solids by the Seashore) กำกับโดย ปฏิภาณ บุณฑริก
  4. หุ่นพยนต์ (Hoon Payon) กำกับโดย ภณธฤต โชติกฤษฎาโสภณ
  5. แว่วเสียงไฟ (Blazed Away) กำกับโดย ศุภามาศ บุญนิล
  6. How We Say Goodbye กำกับโดย ธันยชนก อภิสัมโพธิ์กุล, รวี ศักดิ์ดำรงกุล

 

‘อุ๊งอิ๊ง’ ยินดี 6 หนังไทย ไปฉายเทศกาลภาพยนตร์ Osaka Asian Film Festival

โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอแสดงความยินดีเป็นพิเศษกับ เพื่อน(ไม่)สนิท (Not Friends) และ ทะเลของฉันมีคลื่นเล็กน้อยถึงปานกลาง (Solids by the Seashore) ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลใหญ่ของเทศกาล ทั้ง Grand Prix และ Most Promising Talent Award ค่ะ หวังว่าเราทุกคนจะได้ยินข่าวดีกันนะคะ

ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ภาคเอกชนจะเดินทางไปเทศกาลนานาชาติด้วยตัวเอง โดยแทบไม่ได้มีการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงไม่มีการประชาสัมพันธ์อัตลักษณ์ภาพยนตร์ไทยสู่สายตาชาวโลกค่ะ

แต่ครั้งนี้ รัฐบาลได้จัดโปรแกรมภาพยนตร์ และภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ได้ไปฉายจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐ เพราะถือว่าไปในนามรัฐบาล และการสนับสนุนเช่นนี้ เป็นผลจากการรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนคนทำภาพยนตร์ค่ะ
 

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยหากเทียบกับภารกิจอีกมากมายของรัฐบาล แต่มีความหมายมากสำหรับคนทำภาพยนตร์

จุดเปลี่ยนเล็กๆ ครั้งนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคต ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงวิธีคิดที่ภาครัฐมีต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยไปตลอดกาลค่ะ เพราะกว่าจะมีการสนับสนุนเป็นเรื่องยากมากๆ แต่เกิดขึ้นแล้วก็จะต้องมีครั้งต่อๆ ไปค่ะ

นอกจากงานเทศกาล Osaka Asian Film Festival รัฐบาลยังสนับสนุนภาพยนตร์ไทยที่ไปฉายในเทศกาลนานาชาติอื่นๆ นั่นคือ International Film Festival Rotterdam และที่ Berlin International Film Festival อีกด้วย
 

งานเทศกาลภาพยนตร์ คือ โอกาสต่อยอดทางธุรกิจที่สำคัญ เพราะไม่ใช่แค่การฉายภาพยนตร์ แต่เป็นโอกาสที่จะทำให้ต่างชาติได้เห็นศักยภาพในการสร้างภาพยนตร์ของไทย รวมถึงมีโอกาสได้พูดคุยเรื่องการซื้อขายภาพยนตร์ การซื้อขายลิขสิทธิ์ แลกเปลี่ยนข้อมูล และสร้างโอกาสในการทำงานร่วมกันในอนาคตอีกด้วย

ความสำเร็จนี้เป็นการทำงานร่วมกันของหลายส่วน ทั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟท์พาวเวอร์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการต่างประเทศที่ทำงานกันอย่างเข้มข้น ฝ่าฟันอุปสรรคโดยเฉพาะในเรื่องงบประมาณที่ต้องขออนุมัติเร่งด่วน

ผลงานนี้เกิดขึ้นเพราะการทำงานแบบเอกชนเป็นผู้นำ และรัฐบาลเป็นผู้ซัพพอร์ตค่ะ นี่คือตัวอย่างเพียงเล็กน้อยที่เราได้เปลี่ยนแปลงจากการทำงานในช่วงเริ่มต้น หลังจากนี้ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ จะเกิดขึ้นอีก และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ขึ้น และใหญ่ขึ้น ซึ่งจะเกิดขึ้นในทุกอุตสาหกรรมที่สร้าง Soft Power อยากให้ทุกท่านติดตามการทำงานของเราต่อไปนะคะ"