‘พิธา’ รอศาล รธน.ชี้ขาดปมหาเสียงแก้ ม.112 ก่อน จะผลักดันต่อหรือไม่

‘พิธา’ รอศาล รธน.ชี้ขาดปมหาเสียงแก้ ม.112 ก่อน จะผลักดันต่อหรือไม่

‘พิธา’ รอศาล รธน.ชี้ขาด 31 ม.ค.67 ปมหาเสียงแก้ไข มาตรา 112 ก่อน ค่อยดูจะผลักดันต่อหรือไม่ รับ 17 ปีที่ผ่านมา เกิดขัดแย้งการเมือง ปีนี้ปีใหม่ ขออย่าสร้างกำแพงขึ้นมาทำให้โอกาสสมานฉันท์ลดลง

เมื่อวันที่ 26 ม.ค.2567 ที่ห้อง 601 ฝั่ง สส. รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล จะยังผลักดันอยู่อีกหรือไม่ว่า คงต้องรอคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ 31 ม.ค.67 นี้ จึงยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน

เมื่อถามว่า นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ชี้แจงว่าในการนิรโทษกรรมนั้น ในส่วนบุคคลที่โดน มาตรา 112 จะถูกตั้งคณะกรรมการพิจารณาเป็นรายๆ ไป แต่พรรคการเมืองอื่นไม่ให้นับรวมมาตรา 112 ในนิรโทษกรรมเลย มองอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ข้อเสนอของนายรังสิมันต์ เหมือนพบกันครึ่งทาง แต่ของพรรคก้าวไกลคือ การนิรโทษกรรมต้องรวมมาตรา 112 ด้วย วานนี้ (25 ม.ค.67) ตนเจอนายรังสิมันต์ มัวคุยแต่เรื่องบุตรเขา ไม่ได้คุยเรื่องานเท่าไร เลยยังไม่สามารถคอนเฟิร์มได้ อย่างไรก็ดีในช่วง 17 ปีที่ผ่านมา ในช่วงขัดแย้งทางการเมือง ปีนี้เป็นปีเริ่มต้นใหม่ อย่าให้มีการสร้างกำแพงขึ้นมา จะทำให้สร้างโอกาสสมานฉันท์ลดลง ถ้ามีเงื่อนไขใหม่เกิดขึ้น ควรมีวิธีการบริหารจัดการความขัดแย้งทางการเมือง ในหลายรูปแบบได้รับการจัดการอย่างครบถ้วน

 

เมื่อถามว่า อุปสรรคใหม่ของการนิรโทษกรรม ยังอยู่ที่มาตรา 112 มีหลายกรณี พรรคก้าวไกล จะขับเคลื่อนบทบาทอย่างไรในการช่วยเหลือมวลชนเป็นการเฉพาะ นายพิธา กล่าวว่า ติดตามสถานการณ์อยู่เรื่อยๆ และได้รับการอัปเดตเสมอ เรื่องนี้พรรคก้าวไกลคงไม่ทิ้ง เรื่องการแสดงออกทางการเมือง เป็นการหาทางออกร่วมกันของประเทศชาติว่า การทำให้เราเป็นระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น ควรออกมาทิศทางไหน ถ้าแต่ละทิศทางที่ออกมา โดยเฉพาะการเกิดขึ้นกับเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีหลายสิบคน เป็นสิ่งที่เหมาะสมกับไทยในสากลโลกในปัจจุบันนี้

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์