รทสช. ยื่นร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข - ไม่นิรโทษกรรมให้ผู้ทำผิด ม.112

รทสช. ยื่นร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขต่อรองประธานสภาฯ หวังใช้เวทีสภาฯ ออกกฎหมายสร้างความสามัคคีในประเทศ ย้ำ 3 จุดยืนพรรคไม่นิรโทษกรรมให้ผู้ทำผิด ม.112 - คดีทุจริต - ฆ่าคนตาย
ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมด้วย 14 สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ยื่นร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ต่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้บรรจุในระเบียบวาระการประชุมสภาฯ
นายอัครเดช กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณรองประธานสภาฯ ที่มารับร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขด้วยตนเอง เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาฯ ตนในนามของผู้บริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ได้มอบหมายให้ตนพร้อมด้วย สส.ของพรรค ซึ่งเจ้าของญัตติคือ นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร มาเพื่อยืนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว
โดยถือเป็นนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ หลังจากประเทศเรามีความขัดแย้งทางด้านการเมืองมาเป็นเวลานานหลายสิบปี วันนี้พรรคต้องการให้ความขัดแย้งหายไปเพื่อใช้กลไกของสภาออกกฎหมาย พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขต้องการให้มีการนิรโทษกรรมผู้ชุมนุมทางการเมือง เพื่อต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้
นายอัครเดช กล่าวย้ำว่า หลักการสำคัญของพ.ร.บ.ฉบับนี้คือ 1.จะไม่นิรโทษกรรมผู้ที่ละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 ถือเป็นจุดยืนสำคัญของพรรค 2.ไม่นิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ทำการทุจริตคอร์รัปชัน และ 3.ไม่นิรโทษกรรมให้ผู้ที่กระทำความผิดอาญาอย่างร้ายแรง เช่น ฆ่าผู้อื่น หรือทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้สูญเสียแก่ชีวิต ทั้ง 3 ข้อนี้คือ จุดยืนของพรรคจึงได้เสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ให้เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ
ด้านนายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ ผู้เสนอญัตติ กล่าวว่า ขอขอบคุณรองประธานสภาฯที่มารับร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขด้วยตนเอง ต้องยอมรับว่าตลอดเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ประชาชนแบ่งแยกเป็นฝ่าย มีการต่อต้านรัฐบาลที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองตลอดมา โดยรัฐบาลในสมัยนั้นก็ได้ยกระดับการบังคับใช้กฎหมายอาญาอย่างเข้มงวด ทำให้การแสดงออกทางการเมืองของประชาชนเป็นการกระทำความผิดกฎหมายมาโดยตลอด
“วันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติเห็นว่าประเทศชาติควรเดินไปสู่เป้าหมายแห่งความปรองดองได้แล้ว เราต้องการให้ประเทศเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคดีในอดีตเมื่อมาเจอคดีอาญาหรือคดีแพ่งทำให้พวกเขาถูกตัดสินหลายเรื่อง ทำให้การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศเป็นไปได้ยาก วันนี้จึงเป็นจุดหมายที่ดีทางการเมืองไทย ประชาชนไม่มีความขัดแย้งแล้ว จึงควรมาร่วมกันพัฒนาประเทศชาติ สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศ” นายวิชัย กล่าว
ขณะที่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ถือเป็นความใจกว้างเป็นความตั้งใจของสส. ยังมีร่างพ.ร.บ.ในลักษณะเดียวกันบรรจุในวาระการประชุมอยู่แล้ว ตนจะกลับไปดูว่ามีฉบับไหนบ้างที่มีเนื้อหาลักษณะเดียวกัน จะได้เสนอเข้าประกบพร้อมกัน เพราะถ้ายังรอคิวอยู่จะทำให้การพิจารณาล่าช้า
อย่างไรก็ตามหลายปีที่ผ่านมา สังคมยังไม่สงบยังมีความขัดแย้งอยู่ ร่างพ.ร.บ.ลักษณะนี้จะพิจารณาลำบาก แต่วันนี้ความขัดแย้งได้หมดไปแล้วจึงเป็นช่วงที่พวกเราต้องสามัคคีร่วมกันพัฒนาประเทศ ดังนั้นตนจะรีบบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาฯ เพื่อให้พิจารณาได้เร็วที่สุด และหลายพรรคมีเจตนาดี คิดว่าคงไม่มีปัญหาในการพิจารณา
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







