ฉากทัศน์ ‘พิธา’ พ้นบ่วงคดีหุ้น รีเทิร์นหัวหน้าพรรค นำทัพรบ ‘อนุรักษ์นิยม’

ฉากทัศน์ ‘พิธา’ พ้นบ่วงคดีหุ้น รีเทิร์นหัวหน้าพรรค นำทัพรบ ‘อนุรักษ์นิยม’

แน่นอนหากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ในจังหวะที่ “พิธา” คัมแบ็กกลับมาเป็น สส. และแคนดิเดตนายกฯ รวมถึงจะมีการปรับโครงสร้างพรรคใหม่ในเดือน เม.ย. 2567 ซึ่งอาจรีเทิร์นกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคหนที่ 2

KeyPoints

  • เปิดภารกิจแรก “พิธา” หลังรอดคดีหุ้นไอทีวี เตรียมนำแถลงโร้ดแมป “ก้าวไกล” ในปี 2567 ปักธงลุยร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดย ส.ส.ร.ทั้งฉบับ
  • ยังมีสถานะเป็น “แคนดิเดตนายกฯ” ของ “ก้าวไกล” เต็มตัว พร้อมชงชื่อต่อสภาฯ หากเกิดอุบัติทางการเมืองกับ “เศรษฐา ทวีสิน”
  • เตรียมรีเทิร์นกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกรอบ ในการประชุมใหญ่ เม.ย.นี้ ล้อไปกับช่วง สว.หมดอำนาจโหวตนายกฯ
  • จับตา “ศักดิ์สยามเอฟเฟกต์” ทำ “ภูมิใจไทย” เสี่ยงโดนยุบ เขย่าสูตรจัดตั้งรัฐบาลครั้งใหม่
  • ลุ้นดีลลับ “ธนาธร-นายใหญ่” เขย่าความสัมพันธ์ “แดง-ส้ม” สามัคคีหรือไม่

 เป็นอันว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล รอดพ้นบ่วงไปแล้ว 1 คดี คือกรณีถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ “หุ้นไอทีวี” โดยในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรมนูญ สรุปสาระสำคัญได้ 3 ประเด็นคือ

  1. พิธา ถือครองหุ้นไอทีวีจริง จำนวน 42,000 หุ้น โดยถือในนาม “ส่วนตัว” มิได้ถือแค่ในนาม “ผู้จัดการมรดก”
  2. สัญญาโอนหุ้นของ “พิธา” ไปให้ “ภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์” น้องชาย มีข้อพิรุธหลายประการ โดยเฉพาะกรณีการทำสัญญา “ปากเปล่า” เมื่อปี 2561 ก่อนทำสัญญาโอนปี 2562 แต่มีการโอนจริง พ.ค. 2566 เป็นต้น
  3. ไอทีวี มิได้ประกอบกิจการสื่อ ในวันที่ “พิธา” สมัครรับเลือกตั้ง สส.บัญชีรายชื่อ จึงทำให้ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) 

ศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 เสียง วินิจฉัยให้คืนสมาชิกภาพ สส.แก่ “พิธา” นับเป็นการคัมแบ็กกลับมาเป็น สส.ในรอบกว่า 6 เดือน หลังถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ไปตั้งแต่ 19 ก.ค. 2566

ภารกิจแรกของ “พิธา” ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อไปแล้วหลังฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเสร็จ ระบุว่า จะแถลงโร้ดแมปของ “พรรคก้าวไกล” ในปี 2567 ให้สื่อ และสาธารณชนทราบ ซึ่งในโร้ดแมปดังกล่าว ย่อมอาจหมายรวมถึงการ “ปักธง” ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเลือกตั้ง ส.ส.ร.มาร่างใหม่ทั้งฉบับ รวมถึงเตรียมพร้อมเข้าสภาฯ ไปอภิปรายในวันที่ 25 ม.ค.ต่อไป

อย่างไรก็ดีเมื่อ “พิธา” คัมแบ็กสู่วงโคจรทางการเมือง “เต็มตัว” ย่อมทำให้สมการทางการเมืองเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร เพราะต้องไม่ลืมว่าเจ้าตัวยังมีอีกสถานะเป็น “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” ของพรรคก้าวไกล ดังนั้นหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้น แล้วต้องโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ “พิธา” จะกลายเป็น “ตัวเต็ง” ขึ้นมาในทันที
    
“ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนปัจจุบัน ยืนยันว่า หากต้องโหวตนายกฯใหม่ในสมัยนี้ จะเสนอชื่อ “พิธา” อย่างแน่นอน

ขณะที่บรรดา สว.เสาหลักค้ำยันฝ่าย “อนุรักษ์นิยม” จะหมดสิทธิ์โหวตเลือกนายกฯ ในช่วงกลางปี 2567 นี้ เท่ากับว่าโอกาสของ “พิธา” ยังคง “เปิดกว้าง” และมีลุ้นนั่งเก้าอี้ “นายกฯคนที่ 31” ได้

ต้องไม่ลืมว่าปัจจุบัน พรรครัฐบาลที่นำโดย “เพื่อไทย” กำลังยักแย่ยักยันกับปัญหารุมเร้าทางเศรษฐกิจ และนโยบายหาเสียงหลักที่ยังไม่เริ่ม “นับหนึ่ง” โดยเฉพาะโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งสัญญาณเตือนดัง ๆ ว่า สุ่มเสี่ยงต่อวินัยการเงินการคลัง และไร้มาตรการป้องกันการทุจริต

นอกจากนี้พรรคร่วมรัฐบาลอย่าง “ภูมิใจไทย” ก็กำลังระส่ำระส่าย จากเอฟเฟกต์คดี “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ให้ “นอมินี” ถือครองหุ้น หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น จนถูกศาลรัฐธรรมนูญมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 1 เสียง ให้พ้นจากเก้าอี้ รมว.คมนาคม ก็กำลังถูกร้องเรียนให้องค์กรอิสระไล่เช็ลบิลหลายข้อหาด้วยกัน เช่น ข้อกล่าวหาฟอกเงิน ข้อกล่าวหาบริจาคเงินเข้าพรรคโดยมิชอบ เป็นต้น

ดังนั้นหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ “ภูมิใจไทย” จนถึงขั้นโดน “ยุบพรรค” ขึ้น สูตรจัดตั้งรัฐบาลก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไป เพราะบรรดา สส.ค่ายสีน้ำเงินอีก 71 ชีวิต ต้องกระเซ็นกระซ่านย้ายพรรคกันพัลวัน แถม “กลุ่มทุน” อาจตีตัวออกห่าง ไปหนุนพรรคการเมืองใหม่

อาจสะเทือนไปถึงการยุบสภาฯ หรือการโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นสมัยรัฐบาล “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” จนสุดท้าย มีความพยายามผลักดัน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ขึ้นมาเป็นนายกฯ เมื่อปี 2551 ก็เป็นไปได้

แน่นอนหากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ในจังหวะที่ “พิธา” คัมแบ็กกลับมาเป็น สส. และแคนดิเดตนายกฯ รวมถึงจะมีการปรับโครงสร้างพรรคใหม่ในเดือน เม.ย. 2567 ซึ่งอาจรีเทิร์นกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคหนที่ 2 

ขณะที่ สว.จะไร้อำนาจในการโหวตเลือกนายกฯช่วงกลางปี 2567 เช่นเดียวกับ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่อาจได้รับการพักโทษในเร็ว ๆ นี้ จะทำให้สมการการเมืองเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

โดยเฉพาะ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ผู้นำทางจิตวิญญาณ “สีส้ม” ที่เคยส่งสัญญาณว่า เคยเข้าพบ “นายใหญ่” ที่ฮ่องกง ก่อนการเลือกตั้ง 2566 ที่ผ่านมา และเคย “ดีลลับ” อะไรบางอย่างเอาไว้ ดีลเหล่านี้จะถูกปัดฝุ่นขึ้นมาคุยกันอีกครั้งหรือไม่ คงต้องรอจับตาดูกันต่อไป หากสำเร็จอาจเห็นภาพ “แดง-ส้ม” กลับมาจูบปากกันอีกครั้งก็เป็นไปได้
    
แต่ก่อนที่ “พิธา-ก้าวไกล” จะกลับมาเป็นแม่ทัพนำพรรคเปิดฉากรบกับฝ่าย “อนุรักษ์นิยม” อย่างเต็มตัวอีกครั้ง อาจต้องรอฟังคำวินิจฉัยอีก 1 คดี 31 ม.ค.นี้ กรณีถูกกล่าวหาว่าล้มล้างการปกครอง จากการออกนโยบายหาเสียงแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เสียก่อน ว่าจะออกมาหมู่หรือจ่ากันแน่