‘เศรษฐา’ เผย ไม่ยืนยัน GDPปี66 โต1.8% เมิน สร้างวาทกรรม เศรษฐกิจวิกฤติหรือไม่

‘เศรษฐา’ เผย ไม่ยืนยัน GDPปี66 โต1.8% เมิน สร้างวาทกรรม เศรษฐกิจวิกฤติหรือไม่

“เศรษฐา” เผย ไม่ยืนยันตัวเลข GDP ปี66 โตแค่ 1.8% จริงหรือไม่ โยน สศค. แถลง หลัง เอกสารลับหลุด ชี้ ไม่อยากสร้างวาทกรรมเศรษฐกิจวิกฤติหรือไม่วิกฤติ แต่ยืนยันเศรษฐกิจไม่ดี แย้ม มีนโยบายกระตุ้นเพิ่ม ไม่ใช่แค่ “ดิจิทัลวอลเล็ต“ ลุย สร้างความเชื่อมั่นตลาดทุน จัดการคนทำผิด

ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ถนนรางน้ำ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีมีการเปิดเผยเอกสารลับการประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี66-67 ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ที่สาระสำคัญคือ GDP ปี 66 เติบโตเพียง 1.8%  ว่า รอให้ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) แถลงเป็นทางการก่อน และไม่ยืนยันว่าเป็นตัวเลขจริงหรือไม่ และในฐานะรมว.คลัง ไม่เคยขอตัวเลขมาดูก่อน ไม่ยืนยันข้อมูล ถึงแม้ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผมไม่เคยขออะไรมาดูก่อน สศค.มีความเป็นอิสระในการทำตัวเลข ต้องให้เกียรติผอ.สศค.ด้วย 

เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าตัวเลขที่ออกมาต่ำกว่าที่รัฐบาลวางไว้ และต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีการพิจารณามาตรการตลอดเวลา และตัวเลขที่ออกมายอมรับว่าต่ำ ซึ่งตนไม่อยากสร้างวาทกรรมใหม่ ว่าเศรษฐกิจวิกฤติหรือไม่วิกฤติ แต่ยืนยันว่าเศรษฐกิจไม่ดี 

นายกฯ กล่าวถึงกรณีผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่าเศรษฐกิจของประเทศยังไม่วิกฤตินั้น เป็นเรื่องของท่านก็พูดไป เป็นเรื่องของความเห็นต่าง เป็นธรรมดาของสังคม

เมื่อถามว่า นโยบายการเงินกับนโยบายการคลัง ดูเหมือนไม่สอดประสานกัน อาจกระทบกับความเชื่อมั่นนักลงทุนนั้น นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า อาจมีเห็นต่างกันบ้าง แต่เชื่อว่า สศค.กับ ธปท. มีการคุยกัน ซึ่งการเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดาในการอยู่ร่วมกัน และต้องพูดคุยไปเรื่อยๆ และแต่ละคนก็มีหน้าที่ต้องทำไป

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องการลดดอกเบี้ยต้องถามจากธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลคิดอยู่ตลอดเวลา และมั่นใจว่าจะมีนโยบายอื่นๆตามมาด้วย ไม่ใช่แค่ดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเดียว ซึ่งได้มีการพูดคุยกับ รมช.คลัง และผอ.สศค. ตลอดเวลาในทุกๆเรื่อง เช่น มาตรการกระตุ้นทางด้านภาษีและหลายๆมาตรการ

นายกฯ กล่าวถึงการต่อต้านโครงการแลนด์บริดจ์ ว่า คนที่สนับสนุนโครงการนี้ก็มีเยอะมาก แต่ก็รับฟังความเห็นต่าง ขณะที่การสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุน เรื่องสำคัญคือเรื่องความมั่นใจในแง่ของคนที่มากระทำผิด แต่ยังไม่สามารถจับกุมมาลงโทษได้ โดยเฉพาะในเรื่องของหุ้นมอร์และหุ้นสตาร์ค แต่ได้มีการสั่งการไปแล้ว และวันนี้มีนัดหมายพูดคุยกับ รมว.ยุติธรรม ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้นิ่งนอน ซึ่งมีขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรม และยอมรับว่า นักลงทุนอาจยังไม่มีความมั่นใจในเรื่องนี้ เป็นหน้าที่รัฐบาลต้องทำหน้าที่ต่อไป