'จัตุรงค์' จี้ 'นายกฯ' จัดงบ หนุน ทนายประจำ สน. ยั้งเหตุซ้ำรอย 'ลุงเปี๊ยก'

'จัตุรงค์' จี้ 'นายกฯ' จัดงบ หนุน ทนายประจำ สน. ยั้งเหตุซ้ำรอย 'ลุงเปี๊ยก'

"สว.จัตุรงค์" หารือ จี้ "เศรษฐา" จัดงบอุดหนุนโครงการ ทนายประจำ สน. ตามข้อเสนอสภาทนายความ ชี้เป็นไปตาม กม.อุ้มหาย-คุ้มครอง ปชช. ไม่ซ้ำรอย "ลุงเปี๊ยก"

ที่วุฒิสภา นายจัตุรงค์ เสริมสุข  สว. หารือต่อที่ประชุมวุฒิสภา เพื่อเรียกร้องให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ให้ความสำคัญกับข้อเสนอของสภาทนายความต่อการปรับกระบวนการยุติธรรม ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้มีทนายความประจำสถานีตำรวจ 1,400 แห่ง โดยจัดสรรงบประมาณให้ดำเนินการ หลังจากที่พบกรณีที่เกิดขึ้นกับลุงเปี๊ยก สามีของป้าบัวผันที่ถูกกกลุ่มเยาวชนทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ซึ่งในรายละเอียดที่ถูกเปิดเผยพบว่าการสืบสวน สอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ไม่ได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมาณและการกระทำให้บุคคลสูญหายย พ.ศ.2566 หรือ กฎหมายอุ้มหาย ที่กำหนดให้ผู้ที่ถูกนำตัวไปสอบสวนสามารถใช้สิทธิทนายในกระบวนการตรวจสอบได้

“จากการจับกุมลุงเปี๊ยก และแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมกับนำตัวไปขังคุก เพราะรับสารภาพว่าฆ่าป้าบัวผัน แต่ผมสงสัยว่าในกระบวนการได้ถ่ายภาพวีดีโอตามที่กฎหมายอุ้มหายกำหนดเป็นขั้นตอนไว้หรือไม่ หรือ ให้ทนายเข้าสังเกตการณ์ด้วยหรือไม่ ทั้งนี้จากการนำตัวลุงเปี๊ยกไปชี้จุดเกิดเหตุนั้น ไม่พบว่ามีทนายนำชี้ที่เกิดเหตุร่วมด้วย  ดังนั้นหากไม่มีการร้องเรียน การตรวจสอบและพบว่าเป็นการกระทำผิดของเยาวชน ลูกข้าราชการในพื้นที่และใกล้เคียง ลุงเปี๊ยกจะถูกส่งฟ้อง และหากไปรับสารภาพในศาล ต้องถูกจำคุก 25 ปี หรือตายในคุก แม้จะมีอาการป่วย จะไม่ถูกนำตัวไปรักษานอกเรือนจำ” นายจัตุรงค์ หารือ

นายจัตุรงค์ หารือย้ำว่า หากรัฐบาล และนายกฯ​ให้ความสำคัญกับเรื่องทนายประจำสถานีตำรวจ เชื่อว่าประชาชนจะไม่ถูกกล่าวหา ให้ร้าย และจับกุมไปติดคุกจนตาย.