'ชัยชนะ' เผยบุกชั้น14รพ.ตำรวจ พบจนท.8นาย โยนราชทัณฑ์ตอบ'ทักษิณ'อยู่หรือไม่

'ชัยชนะ' เผยบุกชั้น14รพ.ตำรวจ พบจนท.8นาย โยนราชทัณฑ์ตอบ'ทักษิณ'อยู่หรือไม่

"ชัยชนะ" เผยบุกชั้น14รพ.ตำรวจ พบเจ้าหน้าที่8นายปฏิบัติหน้าที่ ส่วน"ทักษิณ" อยู่หรือไม่ โยนกรมราชทัณฑ์ตอบ ยืนยันทำหน้าที่ตามอำนาจกมธ.ครบถ้วนแล้ว พร้อมจี้ "เศรษฐา" จัดสรรงบ2-5ล้านจัดซื้อกล่องวงจรปิด หลังรับแจ้งเสียทั้งตึกนานร่วมปี

ที่โรงพยาบาลตำรวจ นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ตำรวจ) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าศึกษาดูงานที่โรงพยาบาลตำรวจว่า จากการที่ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกับโรงพยาบาลตำรวจได้รับทราบว่า มีผู้ต้องขังมารักษาตัวที่ โรงพยาบาลแบบพักค้างคืนแค่1คนคือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนที่เหลือเป็นผู้ป่วยที่รักษาแบบเช้าเย็นกลับ

ทั้งนี้ตนได้หารือตามกรอบระเบียบโรงพยาบาลตำรวจได้อนุญาตให้เราขึ้นไปในชั้น 14 เพื่อไปดูวิธีการคุมขัง ซึ่งพบว่ามีเจ้าหน้าปฏิบัติหน้าที่อยู่รวม8นาย

 แบ่งเป็น ตำรวจเจ้าของพื้นที่ก็คือสน. ปทุมวัน3นาย และตำรวจสันติบาล3นาย และ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ อีก2นายสลับสับเปลี่ยนเวรกันมาดูแลผลัดละ24ชั่วโมง และต้องรายงานผู้บังคับบัญชาผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ทุก 2 ชั่วโมง โดยในห้องที่เป็นผู้ต้องขังผู้ป่วยไม่ล็อกผู้คุมเดินเข้าห้องได้ทุกเวลา

จากนั้นได้ลงมาที่ชั้น7เพื่อดูขั้นตอนปฏิบัติกับนักโทษที่มารักษาโรคต้อกระจกที่ชั้น7ว่ามีวิธีการรักษาอย่างไร ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ราชการมาควบคุมเราก็เห็นได้อย่างหนึ่งว่าการปฎิบัติของราชทัณฑ์กับนักโทษที่มารักษาตัวก็มีความเท่าเทียมกัน
 

ประธานกมธ.ตำรวจยังกล่าวว่า วันนี้เรามาเพื่อให้สังคมได้คลายข้อมูลความสงสัยส่วนนายทักษิณจะรักษาตัวจริงหรือไม่ ก็คงต้องเป็นไปตามพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ยืนยันว่าเราไม่ได้ขอเยี่ยมใครคนใดคนหนึ่ง แต่เรามายืนยันว่าวิธีปฏิบัติเท่าเทียมกันหรือไม่ เช่นเดียวกับวิธีการรักษาที่ไม่สามารถบอกได้เพราะมีพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ ในส่วนอำนาจหน้าที่ของตนได้มาดูขั้นตอนวิธีการและมีเจ้าหน้าที่ควบคุมเท่านั้น 

เมื่อถามว่าได้ถามกับทีมแพทย์หรือไม่ว่าการรักษาเช่นนี้ต้องรักษานานเท่าไหร่นายชัยชนะย้ำว่า ตนไม่ก้าวล่วงการรักษาของทีมแพทย์แต่หลังจากนี้คงเป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์ที่จะต้องชี้แจง ซึ่งตนได้ขอเอกสารไปแล้วไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการรักษา หรือการใช้สิทธิในกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) รวมทั้งใบรท. 101 ที่ต้องกรอกประวัติก่อนเข้าเรือนจำ 

เมื่อถามว่าภาพการรักษาได้รับการชี้แจงจากกรมราชทัณฑ์หรือไม่ นายชัยชนะกล่าวว่า ได้รับแจ้งว่าไม่สามารถให้ได้เนื่องจากมีพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูล

ส่วนเงินงบประมาณค่ารักษาหากใช้สิทธิ์สปสช.ซึ่งถือเป็นงบประมาณแผ่นดิน  ฉะนั้นหากใช้สิทธิสิทธิ์สปสช.ประชาชนก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ ส่วนค่ารักษาเกินสิทธิเราต้องขอจากเจ้าของไข้

นายชัยชนะ ยังกล่าวว่า วันนี้ถือว่ากมธ.ได้ทำหน้าที่ครบถ้วนตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญมาตรา129 ส่วนที่เหลือเป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ที่จะต้องชี้แจง 

(คลิกอ่าน: บทบัญญัติอำนาจกรรมาธิการ สภาฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา129) 

ถามย้ำว่าเชื่อหรือไม่ว่านายทักษิณยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ นายชัยชนะ กล่าวว่า  ก็ต้องไปถามกรมราชทัณฑ์ผมตอบไม่ได้ผมเห็นแต่เจ้าหน้าที่เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ที่ต้องยืนยันเอง 

"วันนี้ไม่มีข้อข้องใจที่โรงพยาบาลตำรวจแต่เอกสารหลักฐานที่ขอกรมราชทัณฑ์ไปกรรมาธิการต้องได้รับ"

ประธานกมธ.ยังย้ำว่า ในชั้น14ไม่ได้มีห้องเดียวมีหลายห้องและประชาชนสามารถใช้สิทธิรักษาตัวที่นั่นได้

"ในกรณีนายทักษิณ หากเห็นว่านายทักษิณไม่ผิด ถ้ากรมราชทัณฑ์ต้องการเป็นจำเลยสังคมก็ต้องชี้แจงให้สัมคมเข้าใจ การยืนยันว่า อยู่หรือไม่เป็นหน้าที่กรมราชทัณฑ์ไม่ใช่หน้าที่ผม วันนี้กรอบหน้าที่ที่ทำได้ตามอำนาจกมธ.ตำรวจเราได้ทำหน้าที่อย่างครบถ้วนแล้ว ส่วนเอกสารต่างๆที่ขอไปถ้าเดือนนี้ไม่ได้ก็จะมีการทวงถามไปอีก" 


หลังแถลงข่าวนายชัยชนะยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากการลงพื้นที่ได้รับแจ้งจากพลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ นายแพทย์ (สบ 6) แจ้งว่า กล้องวงจรปิดที่ติดทั้งตึกเสียมาเป็นเวลากว่า1ปีแล้วโดยสาเหตุมาจากกล้องเสื่อมสภาพและได้รับแจ้งว่าไม่มีงบประมาณ

จึงขอฝากไปยังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีซึ่งดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มาดูแลในเรื่องการของบประมาณในส่วนนี้ซึ่งใช้งบประมาณ2-5 ล้านบาทด้วย