ดีอี-ปปง.-ตร.แถลงจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ธารารัตน์ อ้างเป็นจนท.รัฐอายัด924ล.

ดีอี-ปปง.-ตร.แถลงจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ธารารัตน์ อ้างเป็นจนท.รัฐอายัด924ล.

ดีอี-ปปง.-ตร.แถลงจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 'ธารารัตน์' อ้างเป็น จนท.รัฐหลอกเหยื่อโอนเงิน พบเงินหมุนเวียนกว่า 3,000 ล้านบาท อายัดแล้ว 924 ล้านบาท - เร่งขยายผลจับกุม

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน, พลตำรวจเอกรอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ รอง ผบ.ตร. และพลตำรวจโทวรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ผบช.สอท. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเครือข่าย "นางสาวธารารัตน์ กับพวก" รวม 3 คน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้กระทำผิดฉ้อโกง และหลอกลวงประชาชนผ่านแก๊งส์คอลเซนเตอร์ 

โดยมีเงินรวมจากการหลอกลวงประชาชน และมีเงินหมุนเวียนจากการกระทำผิดรวมกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ มีผู้เสียหายประมาณ 54 คน  ล้านบาท และ ปปง.ได้สั่งยึดทรัพย์สินได้แล้วราว 924 ล้านบาท และได้มีการลงพื้นที่ตรวจค้น เมื่อวานนี้ (11 ม.ค.) จำนวน 13 จุด แบ่งเป็นในพื้นที่ภาคเหนือ และจังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร พบทรัพย์สินทั้งรถยนต์โบราณหายาก และรถหรู จำนวน 77 คัน, โฉนดที่ดิน จำนวน 84 ฉบับ, เงินสด, ทองคำ และรวมทรัพย์อื่น ๆ อาทิ นาฬิกาแบรนด์เนม บ้านพักหรู 2 หลัง และรถจักรยานยนต์ เป็นต้น รวมมูลค่า 1,200 ล้านบาท

สำหรับพฤติการณ์เครือข่ายดังกล่าว มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ ที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ใช้โทรศัพท์สุ่มเข้าไปหลอกลวงประชาชน เพื่อให้มีการโอนเงิน หรือใช้ข้อความหลอกลวงผู้เสียหายผ่าน Facebook ลักษณะข้อความโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อชักชวนเหยื่อมาเปลี่ยนเงินสกุลบาท เป็นสกุลหยวนในอัตราที่ถูกกว่าสถาบันการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลับไม่โอนเงิน หรือให้ผลตอบแทนได้ตามกำหนด และมีกลุ่มหน้าม้า เพื่อเปิดบัญชีม้า รับโอนเงินจากเหยื่อ และกลุ่มถอนเงินผ่าน ATM ส่งต่อให้อีกกลุ่มหนึ่ง เพื่อโยกย้ายเงินไปทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อปกปิดอำพรางซ่อนเร้น

นอกจากนี้ยังมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน แปรสภาพเป็นอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงยังมีกลุ่มผู้บริหาร ทำหน้าที่ควบคุมสั่งการ โดยมีการอำพรางตนเอง เพื่อให้ยากต่อการติดตามเส้นทางการเงิน โดย สอท.จะเร่งรัดการดำเนินคดีร่วมกับ ปปง.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว และนำทรัพย์สินที่ยึดทรัพย์ได้ มาเฉลี่ยคืนแก่ผู้เสียหายต่อไป 

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยืนยันว่า การจับกุม และยึดทรัพย์สินในครั้งนี้ ถือเป็นคดีในระยะแรก หรือ EP.1 โดยหลังจากนี้ จะมีการขยายผล ตรวจค้น ตรวจสอบเส้นทาง และบุคคลในเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินคดี และยึดทรัพย์ต่อไป 

ส่วนขั้นตอนการคืนทรัพย์สินให้แก่ผู้เสียหายนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงว่า ทรัพย์สินที่ยึดได้ จะมีการขายทอดตลาด เพื่อเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหาย แต่ก็จะต้องมีขั้นตอน โดยผู้เสียหายจะต้องแจ้งเข้ามาขอรับเงินคืน ซึ่งผู้เสียหาย จะต้องมีหลักฐานเข้า โดยประชาชนที่ถูกหลอกลวงในคดีนี้ สามารถแจ้งความออนไลน์ หรืออายัดบัญชีได้ ที่ศูนย์ต่อต้านปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือ AOC ผ่านสายด่วน 1441

ทั้งเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการแจ้งความออนไลน์ หรืออายัดบัญชีในคดี ซึ่งศูนย์แห่งนี้จะมีการประสานไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนสอบสวน เพื่อดำเนินคดีเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และขยายผลไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป

ด้าน เลขาธิการ ปปง. ระบุว่า คดีดังกล่าวนี้ เป็นการฉ้อโกงหลอกลวงประชาชน ในชั้นต้นมีผู้เสียหายประมาณ 54 คน ตามขั้นตอนแล้ว ผู้เสียหาย จะต้องยื่นคำร้องแจ้งความเสียหาย และเข้าสู่การตรวจสอบ เพื่อส่งเรื่องต่อไปยังอัยการ ส่งฟ้องต่อศาลแพ่ง เพื่อคุ้มครองผู้เสียหาย และติดตามทรัพย์สิน ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นตามขั้นตอนต่อไป 

ทั้งนี้คดีการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนของนางสาวธารารัตน์ กับพวกนี้เป็นผลจากการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กับสำนักงาน ปปง. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการติดตามสืบสวนขยายผล เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิด และทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิด