แกะรอย สว. ‘ซักฟอกรัฐบาล’ วาระร้อนซ่อนเงื่อน ‘ทักษิณ-พท.’

แกะรอย สว. ‘ซักฟอกรัฐบาล’ วาระร้อนซ่อนเงื่อน ‘ทักษิณ-พท.’

สิ่งที่ "สว." ต้องการ เปิดฟลอร์อภิปรายทั่วไป "รัฐบาล-เศรษฐา" ก่อนหมดหน้าที่ตรวจสอบ เนื้อแท้คือ ต้องการ "ซักฟอก" ปม "ทักษิณ-พท." ซึ่งตั้งหวังถึงผลทางการเมือง

Key Points :

  • อภิปรายทั่วไปในที่ประชุมวุฒิสภา ของ "สว." ปัจจุบัน ถือเป็นครั้งแรกของการดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี2562
  • วาระที่ถูกเปิดเผยมี 7 ประเด็นหลัก และ 27 ข้อย่อย แต่เนื้อแท้แล้ว พุ่งปม 3 วาระร้อนทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับ "ทักษิณ ชินวัตร" และ ดิสเครดิต "เพื่อไทย"
  • ก๊วนที่เป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้ คือ กลุ่ม 16สว. ที่ไม่เอา "เศรษฐา" นั่งนายกฯ สมทบกับ คู่แค้น "ทักษิณ-ไทยรักไทย"

วาระที่ “สว.” ในก๊วน “กรรมาธิการการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน” ชงเรื่องขอให้วุฒิสภา เปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153

ไม่เคยปรากฏเป็นประเพณีปฏิบัติ ของ “วุฒิสภา” ชุดที่มาจากการแต่งตั้งของ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” (คสช.) มาก่อน 

ตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง 11 พ.ค. 2562 จนถึงสิ้นวาระของ "รัฐบาลคสช.” สว.ชุดนี้ ไม่เคยยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาล

ในคำอธิบายของเรื่องนี้ หนีไม่พ้น เป็นการทิ้งทวนการทำหน้าที่ เพราะในวันที่ 11 พ.ค.2567 หรือ 4 เดือนจากนี้ “สว.” ปัจจุบันจะต้องอำลาจากตำแหน่ง และส่งหน้าที่ต่อให้กับ “สว.ที่มาจากการเลือกกันเอง”

ทว่า โดยนัยทางการเมืองแล้ว กลับพบว่ามี “วาระร้อนซ่อนอยู่” หากไล่เลียงการตั้งต้น การชงเรื่องอภิปรายทั่วไป ครม.มาจาก ก๊วน กมธ.การเมือง ที่มี “เสรี สุวรรณภานนท์” เป็นประธาน และมีผู้ร่วมสนับสนุน คือ “จเด็จ อินสว่าง” 

โดยก๊วนนี้ หากพิจารณาแล้วจะเห็นว่าถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “16 สว.” ที่โหวตไม่เห็นชอบให้ “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกฯ เมื่อ 22 ส.ค.2566 และมี สว.ที่เป็นภาคสมทบ ซึ่งเป็นกลุ่มคนเสื้อเหลือง และต่อต้าน “ทักษิณ ชินวัตร” อาทิ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมชาย แสวงการ ถวิล เปลี่ยนศรี ประพันธ์ คูณมี เป็นต้น

แกะรอย สว. ‘ซักฟอกรัฐบาล’ วาระร้อนซ่อนเงื่อน ‘ทักษิณ-พท.’

7 เรื่องหลัก-27ข้อแยกย่อย ซักฟอกรัฐบาล

ขณะที่ประเด็นตั้งโจทย์ให้รัฐบาลชี้แจง หรือแถลงข้อเท็จจริง มีรายละเอียด 7 เรื่องหลัก จำแนกเป็น 27 ข้อแยกย่อย เมื่อดูในเนื้อหาแล้ว พบว่าแฝงนัยทางการเมือง ที่ต้องการ “ซักฟอกรัฐบาล” ในวาระร้อนเอาไว้ 3 ประเด็น

ไฮไลต์แรก คือ ปัญหาด้านเศรษฐกิจของชาติ ต่อสถานะความวิกฤติของประเทศ จนต้องใช้วิธีกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่าน “โครงการแจกเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ต”

แกะรอย สว. ‘ซักฟอกรัฐบาล’ วาระร้อนซ่อนเงื่อน ‘ทักษิณ-พท.’

ประเด็นนี้ สว.หลายคนที่แสดงความเห็นผ่านสาธารณะ และในวงหารือภายใน ต่างมองในทิศทางเดียวกันว่า จะซ้ำรอย “โครงการฉาว” ในสมัยรัฐบาล “เพื่อไทย-ไทยรักไทย” ในอดีต พร้อมตีตราว่า “แจกเงินหมื่น” คือ นโยบายประชานิยม ที่มุ่งทำลายความมั่นคงทางเสถียรภาพของเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการ “สร้างหนี้ 5 แสนล้าน” จากการ “กู้มาแจก”

ซ้ำมีประเด็นร้อน ระดับทะลุปรอท ว่าด้วย “ความเห็นของกรรมการกฤษฎีกา” ที่ตอบคำถามกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการออกพ.ร.บ. กู้เงินฯ 5 แสนล้านบาท ที่ สว.ส่วนหนึ่ง ได้เห็นเอกสารฉบับเต็มของ “กฤษฎีกา” แล้ว ฟันธงว่า “รัฐบาล-เศรษฐา” ยากที่ฝ่าด่านทางกฎหมายวินัยการเงินการคลัง เพื่อใช้อำนาจ ครม. ตราเป็น พ.ร.บ.เสนอต่อสภาฯได้

ชำแหละแจกหมื่นดิจิทัลนโยบายขายฝัน

เนื่องจาก “กฤษฎีกา”ในฐานะที่ปรึกษาด้านกฎหมายของรัฐบาล กำหนดให้ต้องทำรายละเอียดให้เห็นเป็นเชิงประจักษ์ เงื่อนไขที่กฎหมายวินัยการเงินการคลังกำหนด โดยเฉพาะมาตรา 53 มาตรา 57 ประกอบกับ มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 9 และ มาตรา 49 พร้อมระบุว่า “หากทำไม่ได้ตามเงื่อนไขทางกฎหมายดังกล่าว การกู้เงินโดยกระทรวงการคลังไม่สามารถกระทำได้”

ดังนั้น การตั้งข้อหาดังกล่าวของ สว. แม้ต้องการได้คำชี้แจง หรือคำอธิบายจากรัฐบาล แต่เอาเข้าจริง ก็เพื่อตอกย้ำให้เห็นว่า โครงการแจกเงินหมื่นของ “รัฐบาลเพื่อไทย” ทำไม่ได้จริง ตามที่ขายฝันไว้ตอนหาเสียง นั่นแปลว่า “เพื่อไทย” จะเสียเครดิต และถูกลดความน่าเชื่อถือในทางการเมือง

ต่อมาคือ “การปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามคำพิพากษา ที่สะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน” ซึ่งแปลเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากการเจาะจงไปที่ “นายใหญ่" หลังม่านรัฐบาลเพื่อไทย "ทักษิณ ชินวัตร” ที่เป็นนักโทษต้องโทษคุมขังในเรือนจำ แต่กลับพบข้อเท็จจริงว่า ถูกส่งตัวไปรักษาอาการป่วยที่ รพ.ตำรวจ ตั้งแต่คืนแรกที่ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ จนถูกครหาว่า “ติดคุกทิพย์” ซึ่งเกินระยะเวลาที่ระเบียบของกรมราชทัณฑ์กำหนด กว่า 120 วัน

แกะรอย สว. ‘ซักฟอกรัฐบาล’ วาระร้อนซ่อนเงื่อน ‘ทักษิณ-พท.’

โดยประเด็นนี้ “กรรมาธิการ” ของวุฒิสภา ทั้ง “กรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค” ที่มี “สมชาย แสวงการ” เป็นประธาน ทำหน้าที่ตรวจสอบ และพบรายละเอียดที่เข้าใจได้ว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ที่มุ่งทำลายและสร้างความยุติธรรมสองมาตรฐาน

แกะรอย สว. ‘ซักฟอกรัฐบาล’ วาระร้อนซ่อนเงื่อน ‘ทักษิณ-พท.’

พ่วงเรื่อง “กระบวนการยุติธรรม” โดยในญัตติซักฟอกยังระบุรายละเอียดต่อเนื่อง ว่าด้วยการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ ช่วยพวกพ้อง หาประโยชน์ส่วนตัว สร้างมาตรฐานในกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยว เกิดปัญหาคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนไม่เท่าเทียม เกิดการทุจริต คอร์รัปชัน ยาเสพติด และการพนัน รวมถึงการปราบปรามขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าปศุสัตว์

ที่ต้องยอมรับว่าเป็นปัญหาระดับชาติ และเกี่ยวข้องกับ “ผู้มีอำนาจในรัฐบาล” ที่ยอมให้เกิดการรับสินบนจนสร้างความเสียหายต่อระบบการค้าการแข่งขันในประเทศ และสุขภาพของผู้บริโภค

จับตาแก้รัฐธรรมนูญโละมาตรการปราบโกง

ส่วนประเด็นสุดท้ายคือ “การทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ที่แม้รัฐบาลจะให้เหตุผลว่า เพื่อให้มีกติกาที่ประชาชนสูงสุด แต่ สว.กลับมองว่ามีวาระแอบแฝง หวัง “โละ” มาตรการปราบโกง-จำกัดอำนาจ “ตระกูลชินฯ” ซึ่งเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันหลายมาตรา

ดังนั้น กรณีที่ สว.ใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญ ทิ้งทวนการทำหน้าที่ ต้องจับตาให้ดีถึงเอฟเฟกต์การเมืองที่จะเกิดขึ้นหลังจาก เปิดฟลอร์ซักฟอก 

หากรัฐบาลตอบได้ ถือว่า “ได้แต้ม” แต่หากอึกๆ อักๆ แน่นอนว่าจะกลายเป็นโอกาสให้ฝ่ายค้าน ขยายผลต่อในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมษาฯหน้าร้อนนี้ อย่างแน่นอน.