เพื่อไทยปรับทัพ ปั้นดาวสภาฯ เบรกเกมฝ่ายค้าน พิทักษ์ผู้นำ

เพื่อไทยปรับทัพ ปั้นดาวสภาฯ เบรกเกมฝ่ายค้าน พิทักษ์ผู้นำ

นับตั้งแต่ยุคไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย"รัฐบาลยิ่งลักษณ์" มาถึงยุคเพื่อไทย"รัฐบาลเศรษฐา" ถือว่าเป็นช่วงที่ขาดแคลนบุคลากรทางการเมืองในการวางเกม เบรกเกมสภาฯ อย่างชัดเจนที่สุด

Key points :

  • 3 รัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ลาออกจากตำแหน่ง สส. บัญชีรายชื่อ เพื่อเปิดทางให้ "คนรุ่นใหม่" มาเป็น สส. ช่วยประสานงานสภาฯ
  • "แกนนำเพื่อไทย" ประเมินหลังจบศึกอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณ "เพื่อไทย" ตามหลังคู่แข่ง โดยเฉพาะ พรรคก้าวไกล ที่สามารถปลุกปั้น สส.หน้าใหม่ ขึ้นมามีบทบาทในสภา
  • แตกต่างจาก สส. เพื่อไทย แทบไม่มี "ดาวรุ่ง" ดวงใหม่ก้าวเข้ามามีบทบาท จึงถึงเวลาต้องปรับทัพ-ปรับทีม ไม่ให้ตกเป็นรองคู่แข่งทางการเมือง

หลังเสร็จศึกอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณ 2567  “บิ๊กเพื่อไทย” ประเมินแล้วว่า ต้องรีบปรับทัพอย่างเร่งด่วน เพราะบทบาทเวทีสภาฯตกเป็นรองพรรคคู่แข่ง หากไม่ปรับเปลี่ยนจะส่งผลเสียในระยะยาว

การทยอยลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ ของบรรดารัฐมนตรี ตั้งแต่ สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เพื่อเปิดทางให้เลื่อนลำดับ สส.บัญชีรายชื่อขึ้นมา เป็นการผลักดัน “คนรุ่นใหม่” ให้เข้ามีบทบาทในสภาฯ จึงเป็นหมากบังคับเดิน

ทั้งที่ดีลเดิมของ “สมศักดิ์-สุริยะ” ก่อนจะยกพลจากพรรคพลังประชารัฐ กลับมายังพรรคเพื่อไทย ต้องได้ลำดับบัญชีรายชื่อในพื้นที่เซฟโซน เพื่อการันตีเก้าอี้ สส. แตกต่างจาก “เบอร์ใหญ่เพื่อไทย” อาทิ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ลำดับท้าย

ที่สำคัญยี่ห้อ “สมศักดิ์-สุริยะ” หากไม่มั่นใจในสัญญาณว่า จะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีจนครบเทอม คงไม่ตัดสินใจลุกออกจากเก้าอี้ สส.ง่ายดาย

ในสมัยสังกัดพรรคพลังประชารัฐ การลาออกจาก สส. ไม่เคยอยู่ในความคิดของ “2 ส.” เพราะจะส่งผลกับแรงต่อรองทางการเมือง แต่เมื่อ “เพื่อไทย” เจอไฟต์บังคับที่ต้องเปลี่ยนแปลง ก็ต้องยอมถอยฉาก 

วัดใจ สุดาวรรณ-เกรียง ลาอออกตาม

นอกจากนี้บรรดารัฐมนตรีรายอื่นก็ถูกจับตาว่า จะแสดงสปิริตซื้อใจ “นายใหญ่-นายหญิง” อีกกี่ราย 

โดยเฉพาะคิวต่อไป 2 รัฐมนตรี บ้านใหญ่อีสาน "สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล" รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และ "เกรียง กัลป์ตินันท์" รมช.มหาดไทย ซึ่งนั่งเก้าอี้ สส. บัญชีรายชื่อ ที่สำคัญ รัฐมนตรีแต่ละรายต้องมั่นใจสถานภาพว่า จะได้อยู่ในตำแหน่งจนครบเทอม

สำหรับรัฐมนตรีที่เป็น สส.เขต อาทิ "นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว" รมว.สาธารณสุข สส. น่าน "มนพร เจริญศรี" รมช.คมนาคม สส.นครพนม "ไชยา พรหมา" รมช.เกษตรและสหกรณ์ สส.หนองบัวลำภู ถือว่าอยู่ในเซฟโซน เพราะเป็นข้อยกเว้น ไม่ต้องลาออกจากตำแหน่ง สส. เพราะจะส่งผลให้ต้องมีการเลือกตั้งซ่อม

ทว่า รัฐมนตรีกลุ่มนี้ ถือว่ามีความเสี่ยงจะถูกสลับสับเปลี่ยนให้คนอื่นเข้ามานั่งแทนได้อย่างง่ายดาย เพราะหากพ้นจากรัฐมนตรี ในฝ่ายบริหาร ก็ยังมีเก้าอี้ สส.ที่ต้องทำงานสภาฯ ในฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งกำลังเป็นจุดอ่อนของเพื่อไทยในเวลานี้ 

ปั้นดาวรุ่งสภาฯดวงใหม่

โจทย์ใหญ่ของเพื่อไทยคือ"เกมในสภา" ที่จำเป็นต้องสร้างผลงานอย่างเร่งด่วน หลังจบศึกอภิปรายงบประมาณ มีการประเมินว่า พ่ายเกมสภาฯ ให้กับฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ “พรรคก้าวไกล”ที่สามารถผลักดัน สส.หน้าใหม่ ให้ขึ้นมาต่อกรกับรัฐมนตรี-สส.ลายครามจากพรรคร่วมรัฐบาลได้อย่างโดดเด่น

แตกต่างจาก “เพื่อไทย” แทบไม่มี “ขุนพล” มาปกป้อง “เศรษฐา-รัฐมนตรี” เนื่องจากอดีตดาวสภาของ “เพื่อไทย”ต่างนั่งอยู่บนบัลลังก์รัฐมนตรีกันหมด ทั้ง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เป็นต้น

ส่งผลให้การตอบโต้ “ฝ่ายค้าน” ของ “เพื่อไทย” มีประสิทธิภาพตกต่ำลงไปมาก แตกต่างจากช่วงอยู่ใน “ขั้วฝ่ายค้าน” ที่ต่างดาหน้ากันออกมาถล่ม “รัฐบาลประยุทธ์” กันถึงพริกถึงขิง

“เพื่อไทย” จึงจำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์ ปั้น “ดาวรุ่ง”ดวงใหม่ในสภาฯขึ้นมาทดแทนรุ่นใหญ่อย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นจะโดนพรรคฝ่ายค้านทั้งก้าวไกล และประชาธิปัตย์ ถล่มหนักกว่าเดิม 

ยิ่งในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตัวช่วยอย่าง สส.ที่จะคอยเบรกเกม เพื่อลดแรงปะทะ มีความจำเป็นอย่างยิ่ง

ขณะเดียวกัน อีกจุดอ่อนที่เพื่อไทยต้องรีสกิล อัพสกิลงานสภาฯ คือการติวเข้มบรรดา สส.อาวุโส ให้ทำความเข้าใจกับเนื้อหาของการอภิปราย และทำความเข้าใจข้อบังคับการประชุม เนื่องจากมีคิวหลุด ประท้วงผิดข้อคับบังการประชุม จนทำให้พรรคเสียเครดิต

นับตั้งแต่ยุคไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย"รัฐบาลยิ่งลักษณ์" มาถึงยุคเพื่อไทย"รัฐบาลเศรษฐา" ถือว่าเป็นช่วงที่ขาดแคลนบุคลากรทางการเมืองในการวางเกม เบรกเกมสภาฯ อย่างชัดเจนที่สุด จึงถึงเวลาที่เพื่อไทยต้องปลุกปั้นดาวสภากันใหม่ รวมไปถึงการซัพพอร์ต “ว่าที่นายกฯหญิง”คนต่อไป