‘สมศักดิ์’ ลงพื้นที่ตาก พบปะชาวม้ง ยัน ‘รัฐบาล’ ให้ความสำคัญสิทธิเท่าเทียม

‘สมศักดิ์’ ลงพื้นที่ตาก พบปะชาวม้ง ยัน ‘รัฐบาล’ ให้ความสำคัญสิทธิเท่าเทียม

“สมศักดิ์” ลงพื้นที่ ตาก พบปะชาวม้ง ชื่นชมอัตลักษณ์วิถีชีวิต พร้อมพบ ผู้นำชุมชน ฟังปัญหาที่ดิน-แหล่งน้ำ ย้ำ ”รัฐบาลเศรษฐา“ ให้ความสำคัญ ปชช.ทุกคนในประเทศให้ได้รับสิทธิเท่าเทียม

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ตนได้มีโอกาสไปยังหมู่บ้าน เจดีย์โคะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยได้ไปร่วมกิจกรรมจำนวนมากของชาวเผ่าม้ง ตนรู้สึกชื่นชอบในอัตลักษณ์ วิถีการใช้ชีวิต และประเพณีต่างๆ ที่ได้ร่วมอย่างมาก ทั้งการร้องรำทำเพลง แต่งตัวสวยงาม โดยมี 1 กิจกรรมที่อยากยกตัวอย่าง คือ การละเล่นลูกช่วง หรือ “จุเป๊าะ” โดยการเล่นนั้น จะแบ่งเป็นฝ่ายหญิงกับฝ่ายชาย โยนลูกช่วงที่มีขนาดประมาณลูกเทนนิส ให้กันไปมาและสามารถทำการสนทนา เกี้ยวพาราสี สร้างความคุ้นเคยกันในชุมชน แต่กิจกรรมนี้หญิงสาว ที่แต่งงานแล้วจะไม่สามารถร่วมได้ ซึ่งงานประเพณีนี้ จะจัดปีละ 2 ครั้ง คือ 1.ประเพณีกินข้าวปีใหม่ จัดระหว่างวันที่ 25-29 ตุลาคมของทุกปี และครั้งที่ 2 ประเพณีปีใหม่ม้ง จะจัดระหว่าง 29 ธันวาคม -​ 2  มกราคม ของทุกปี จึงอยากเชิญชวนพี่น้องทุกท่านไปสัมผัสวิถีชีวิตชาวม้ง ตนยืนยันว่า จะได้รับความประทับใจอย่างแน่นอน

นายสมศักดิ์ เปิดเผยอีกว่า การไปร่วมงานในครั้งนี้ยังมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับผู้นำชุมชน ซึ่งได้รับทราบปัญหา เรื่องที่ดินทับซ้อนที่ป่า รวมถึงความต้องการโฉนดที่ดิน สปก. การขาดแหล่งน้ำ เพราะในพื้นที่มีสภาพแห้งแล้ง ขาดแคลนแม้กระทั่งสิ่งอุปโภค-บริโภค เป็นต้น ที่เวลานี้ไม่ได้รับ   การสนับสนุนจากส่วนราชการในพื้นที่ ขณะเดียวกันในพื้นที่เจดีย์โคะ ควรมีการสนับสนุนให้ทำธนาคารน้ำใต้ดิน เพราะภูมิศาสตร์เป็นพื้นที่ลาดชัน และมีน้ำตก ซึ่งมองว่า จะเกิดประโยชน์ในเรื่องการกักเก็บน้ำได้

“เรื่องนี้ผมรับไปประสานงานทันที เพราะในเรื่องที่ดินทำกิน เรื่องแหล่งน้ำนั้น ถือว่าสำคัญต่อชีวิตของชาวม้ง และกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินไทย ทุกคน แม้กลุ่มม้งจะเป็นเพียงชนเผ่า แต่ในฐานะประชาชนคนไทยต้องได้รับสิทธิ

อย่างเท่าเทียม โดยผมจะลงพื้นที่พบชาวม้งที่อำเภอภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ในวันที่ 14 มกราคมนี้ต่อไป โดยสิ่งที่ผมทำในวันนี้ยืนยันชัดว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ให้ความสำคัญกับประชาชนทุกคนในประเทศอย่างเท่าเทียม” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว