อย่าฝากความหวัง ไว้ที่จีนประเทศเดียว

อย่าฝากความหวัง ไว้ที่จีนประเทศเดียว

สิ่งที่ไทยต้องทำคือมองหาตลาดและโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอโดยไม่ทิ้งตลาดเดิมที่มีอยู่ และไม่ฝากความหวังไว้ที่ประเทศใดประเทศหนึ่งเพียงประเทศเดียว

มีความหวังต่อเนื่องหลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศเมื่อวันที่ 2 ม.ค. ประเทศไทยและประเทศจีนมีข้อตกลงในการยกเว้นวีซ่าระหว่างกันอย่างถาวร ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 เป็นต้นไป ถือเป็นการยกระดับความสำคัญของหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ไทยในการเดินทางของทั้งสองประเทศ ภาคเอกชนขานรับทันทีมองว่า ความสัมพันธ์ต้องเหนียวแน่นและไว้ใจกันมากถึงได้ให้มากขนาดนี้ คาดว่านับจากนี้จะมีการเดินทางไปมาหาสู่กันมากขึ้นทั้งจีนเที่ยวไทยและไทยเที่ยวจีน 

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็คึกคักถึงขนาดยกให้นโยบายนี้เป็นจุดเปลี่ยนดึงดีมานด์จีนเข้ามากระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ไทยกลับมารีบาวนด์ต่อจากภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียมถือเป็นตลาดสำคัญที่มีผลต่อภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในประเทศ ท่ามกลางภาวะกำลังซื้อหดตัว หากพิจารณาในมุมการค้าการลงทุน กูรูคาดว่า นโยบายยกเว้นวีซ่าระหว่างกันจะช่วยส่งเสริมการค้าการลงทุนทวิภาคีแม้จะค่อยเป็นค่อยไป เห็นความคึกคักขนาดนี้เรียกได้ว่า นโยบายเดียวสะเทือนไปถึงหลายวงการ 

หันไปดูข้อมูลในประเทศจีน กรมการบินพลเรือนคาดว่า  จำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศเข้าออกประเทศจีนจะทะลุ 6,000 เที่ยวต่อสัปดาห์ภายในสิ้นปี 2567 หรือราว 80% ของระดับก่อนโควิด จากระดับปัจจุบันที่ราว 4,600 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และหากเทียบกับต้นปี 2566 เที่ยวบินระหว่างประเทศเข้าออกจีนมีไม่ถึง 500 เที่ยวต่อสัปดาห์ ตัวเลขดังกล่าวชี้ให้เห็นบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นต่อเนื่อง แต่จะเป็นจีนเที่ยวนอกหรือต่างชาติเที่ยวจีนลองพิจารณาข้อมูลอีกหนึ่งชุด  

ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน กล่าวถึงเศรษฐกิจจีนในปี 2567 ว่า ปีนี้จีนกำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีในกรอบกว้างๆ ที่ 4.5-5% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ปีนี้เศรษฐกิจจีนยังมีความท้าทายจากตัวแปรที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังถือว่าเศรษฐกิจจีนขยายตัวในลักษณะที่โตต่ำกว่ายุคก่อน หรือเรียกว่าเป็นนิวนอร์มอล และจะโตในอัตราแบบนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ที่กล่าวมาทั้งหมดด้วยความเข้าใจว่า คนไทยรู้สึกใกล้ชิดกับคนจีนและประเทศจีนมานาน ยิ่งเศรษฐกิจจีนเติบโตก็เป็นโอกาสสำหรับคู่ค้าอย่างไทยด้วย อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยไม่ควรคาดหวังกับจีนมากเกินไป อย่างกรณียกเว้นวีซ่าถาวรระหว่างกันนั้น มองอีกแง่ก็เอื้อประโยชน์ให้คนไทยเข้าไปจีนง่ายขึ้น เข้าไปกินไปใช้ไปเที่ยวในประเทศเขามากขึ้น เพิ่มรายได้กับจีนไปในตัว ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดเพราะทุกประเทศล้วนอยากเพิ่มจีดีพีของตนเองทั้งนั้น สิ่งที่ไทยต้องทำคือมองหาตลาดและโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอโดยไม่ทิ้งตลาดเดิมที่มีอยู่ และไม่ฝากความหวังไว้ที่ประเทศใดประเทศหนึ่งเพียงประเทศเดียว