'อนุทิน’ เผย 'นายกฯ'กำชับทุกพรรคช่วยกันสนับสนุนถกงบ 67 ระหว่าง 3-5 ม.ค.นี้

'อนุทิน’ เผย 'นายกฯ'กำชับทุกพรรคช่วยกันสนับสนุนถกงบ 67 ระหว่าง 3-5 ม.ค.นี้

“อนุทิน’’ เผย นายกฯกำชับทุกพรรคช่วยกันสนับสนุนถกงบ 67 ระหว่าง 3-5 ม.ค.นี้ ยัน โควต้า กมธ.สัดส่วนครม.ไร้ปัญหาหลังให้ยึดตามสัดส่วนพรรคร่วมรัฐบาล

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าพบนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรี และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ ว่า นายกฯได้เชิญพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคมารับประทานอาหารกลางวัน และหารือในช่วงที่มีการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ระหว่างวันที่ 3 – 5 ม.ค.นี้ ที่รัฐสภา โดยขอให้แต่ละพรรคเตรียมความพร้อมสูงสุด และกำชับว่าต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน 

  เมื่อถามว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายอนุทินได้มีการทักท้วงเรื่องรายชื่อบุคคลที่จะนั่งเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ 2567 ในสัดส่วนครม. จำนวน 18 คน จากทั้งหมด 72 คน มีแต่รายชื่อบุคคลจากพรรคเพื่อไทยนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตนสอบถามเพื่อให้เกิดความชัดเจน เพราะผู้เสนอเป็นฝั่งครม.พรรคเพื่อไทย จึงถามไปว่าเมื่อมีสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยแล้ว สัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นจะเหลือจำนวนเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้เตรียมจัดบุคลากรที่มีความเหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่ เรื่องก็มีเพียงเท่านี้ไม่มีอะไร

เมื่อถามว่า ที่ประชุมครม.ได้ให้เหตุผลหรือไม่ ว่าเหตุใดจึงมีเฉพาะรายชื่อบุคคลจากพรรคเพื่อไทย นายอนุทิน กล่าวว่า เขาเป็นคนจัด และเขาบอกว่าในส่วนของเขามีจำนวนนี้ ส่วนของพรรคร่วมจะมีจำนวนเท่าไหร่ก็เสนอเข้ามาเท่านั้นเอง มันไม่มีอะไรนอกจากนี้เลย และนายกฯก็บอกว่าแบบนี้ถูกต้องแล้ว จัดให้ตามสัดส่วนที่เหมาะสมชัดเจน 

  เมื่อถามว่า การประชุมครม.สัปดาห์หน้าจะมีรายชื่อครบทั้ง 18 คน ตามสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เชื่อว่าในการลงมติรับหลักการวาระแรกในวันที่ 5 เม.ย.2567 ก็จะมีการเสนอรายชื่อบุคคลที่จะเป็นกมธ.วิสามัญฯ

เมื่อถามว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ จะมานั่งเป็นประธานคณะกมธ.วิสามัญงบฯ ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องให้แกนนำมีบทบาทในเรื่องนี้ ทั้งงานรัฐบาล และงานสภาฯ