‘พิธา’ยังฟีเวอร์ ‘อุ๊งอิ๊ง’ดิ่งลง ด่านทดสอบ ว่าที่นายกฯหญิง

หาก “ทักษิณ” ต้องการเปลี่ยนเกม เปลี่ยนตัวนายกฯ จาก “เศรษฐา” มาเป็น “แพทองธาร” จะเป็นผลบวกหรือผลลบต่อ “เพื่อไทย” เพราะยิ่งนานวัน กระแสของทายาทการเมือง ที่เตรียมเป็นว่าที่นายกฯ หญิงคนต่อไป กลับพลิกดิ่งลง สุ่มเสี่ยงจะเป็นทั้งจุดแข็ง และจุดอ่อนของเพื่อไทย
แม้จะผ่านการเลือกตั้งมาแล้วกว่า 7 เดือน จนกระทั่งได้ผู้นำประเทศชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” แต่ความนิยมของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังไม่จางหาย แฟนคลับ-โหวตเตอร์ ยังยกให้เป็นบุคคลที่ต้องการให้นั่งเก้าอี้นายกฯ
ล่าสุด ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาสปี 2566” เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2566
โดยดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 13-18 ธ.ค.2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง
ผลสำรวจปรากฎว่า บุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ อันดับ 1 ร้อยละ 39.40 ระบุว่าเป็น “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อันดับ 2 ร้อยละ 22.35 ระบุว่าเป็น “เศรษฐา ทวีสิน”
อันดับ 3 ร้อยละ 18.60 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 4 ร้อยละ 5.75 ระบุว่าเป็น "แพทองธาร ชินวัตร" อันดับ 5 ร้อยละ 2.40 ระบุว่าเป็น “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” อันดับ 6 ร้อยละ 1.70 ระบุว่าเป็น “อนุทิน ชาญวีรกูล” อันดับ 7 ร้อยละ 1.65 ระบุว่าเป็น “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์”
คู่เทียบหลัก ที่ถูกวัดฟอร์มกัน โฟกัสไปที่ “พิธา-เศรษฐา” เนื่องจาก “พิธา” คว้าชัยในศึกเลือกตั้ง แต่กลับกลายเป็น “เศรษฐา” ที่คว้าชัยในเกมโหวตเลือกนายกฯ เนื่องจากมีการพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาล จนสามารถเบียดคู่ชิง เข้าทำเนียบรัฐบาล
ทว่าเสียงโหวตสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ตามโพลของ “นิด้า” ยังคงเป็น “พิธา” ที่นำโด่ง ทิ้งห่าง “เศรษฐา” กว่าร้อยละ 17 สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยยังคาดหวังให้ “อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล” สมหวัง
ขณะเดียวกันยังสะท้อนให้เห็นว่า “เศรษฐา” บนเก้าอี้นายกฯ ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่สามารถปลุกเรตติ้งให้พลิกแซงคู่แข่งได้ แม้จะไม่ส่งผลในระยะสั้น แต่ในระยะยาวจะส่งผลกระทบสะเทือนไปถึง “เพื่อไทย” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่สำคัญเก้าอี้นายกฯของ “เศรษฐา” ถูกประเมินจากคะแนนนิยมผ่านโพลลับของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งจ้างสำนักโพลที่มีความแม่นยำสูง คอยประเมินสถานการณ์ทางการเมืองอยู่ตลอดเวลา
หาก “เศรษฐา” ไม่สามารถสร้างแต้มการเมืองได้ โอกาสในการเปลี่ยนตัวนายกฯ อาจจะมาเร็วกว่ากำหนด เพราะการให้ “เศรษฐา” นั่งนายกฯ ถือเป็นการตอบแทน “น้องสาว” ไปแล้ว
ตามความคาดหมาย คนที่ถูกจับตามองว่าจะมาแทน “เศรษฐา” อย่าง “แพทองธาร” ผลโพลของ “นิด้า” ยังสะท้อนให้เห็นว่ากระแสฟีเวอร์ในช่วงก่อนการเลือกตั้งลดหายไปแล้ว
โดยในช่วง 5-6 เดือนก่อนจะถึงช่วงโค้งสุดท้าย ผลสำรวจของ “นิด้า” และทุกโพลชื่อ “แพทองธาร” นำโด่งทุกคู่แข่งมาตลอด จนในช่วงเดือน เม.ย. “นิด้า” เผยผลสำรวจ “พิธา” พลิกขึ้นมานำโด่งร้อยละ 35.44% อันดับสอง “แพทองธาร” ร้อยละ 29.20% ขณะที่ “เศรษฐา” มีเพียงร้อยละ 6.76%
กระทั่งผลการเลือกตั้งออกมา เป็นไปในทิศทางเดียวกับผลโพล “พิธา-ก้าวไกล” คว้าชัยในสนามเลือกตั้ง แม้จะไม่ได้เป็นรัฐบาล เพราะพ่ายเกมการเมือง แต่ในระยะยาว “พิธา-ก้าวไกล” ยังเดินไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง
ตรงกันข้ามกับ “แพทองธาร” แม้จะมีเวลาทำผลงานในตำแหน่ง “ประธานซอฟต์พาวเวอร์” แต่กลับยังไม่เข้าตาประชาชน แถมยังฉุดให้กระแสส่วนตัวตกลงจากเดิม
อีกจุดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง “พิธา”ได้คะแนนโหวตจากเหตุผล มีความเป็นผู้นำ เป็นคนรุ่นใหม่ วิสัยทัศน์ดี บุคลิกดี และเข้าถึงประชาชน
ขณะที่ “แพทองธาร”ได้คะแนนโหวตจากเหตุผล เป็นคนรุ่นใหม่ ชื่นชอบพรรคและนโยบายพรรคเพื่อไทย และชื่นชอบผลงานในอดีตของตระกูลชินวัตร
สะท้อนให้เห็นว่า “แพทองธาร” ที่ถูกมองว่าจะก้าวขึ้นเป็นนายกฯต่อจาก “เศรษฐา” คะแนนส่วนตัวแทบไม่มี แต่ได้แต้มจากนามสกุลพ่วงท้าย “ชินวัตร” และความเชื่อมั่นในโยบายพรรคเพื่อไทย
จึงน่าจับตาว่าหาก “ทักษิณ” ต้องการเปลี่ยนเกม เปลี่ยนตัวนายกฯ จาก “เศรษฐา” มาเป็น “แพทองธาร” จะเป็นผลบวกหรือผลลบต่อ “เพื่อไทย” เพราะยิ่งนานวัน กระแสของทายาทการเมือง ที่เตรียมเป็นว่าที่นายกฯ หญิงคนต่อไป กลับพลิกดิ่งลง สุ่มเสี่ยงจะเป็นทั้งจุดแข็ง และจุดอ่อนของเพื่อไทย