‘นายกฯ’ ให้ความมั่นใจ ‘โครงการแลนด์บริดจ์’ เป็นประโยชน์กับมาเลเซีย

‘นายกฯ’ ให้ความมั่นใจ ‘โครงการแลนด์บริดจ์’ เป็นประโยชน์กับมาเลเซีย

“โฆษกรัฐบาล” เผย ผลสำเร็จหลัง ”เศรษฐา-อันวาร์“ ลงพื้นที่ด่านสะเดา เร่งรัด พัฒนาความเชื่อมโยง การค้าชายแดน ระบุ ”นายกฯ“ ให้ความมั่นใจ “โครงการแลนด์บริดจ์“ ของไทย เป็นประโยชน์กับมาเลเซีย

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ด่านสะเดา จังหวัดสงขลา ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และได้เชิญ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม (Dato’ Seri Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มาเยือนไทยเพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) ลงพื้นที่สำรวจความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 โดยทั้งสองฝ่ายได้ผลักดันความร่วมมือด้านต่างๆ ดังนี้ 

ด้านโครงการก่อสร้างเชื่อมโยงชายแดน ทั้งสองฝ่ายมุ่งหวังจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซียให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวให้เพิ่มพูน

ด้านการค้า ผู้นำไทยและมาเลเซียมุ่งมั่นที่จะผลักดันการค้าและการลงทุนให้ได้ตามเป้าหมาย และทางมาเลเซียจะเร่งรัดบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างไทย-มาเลเซีย (MOU on Cross-Border Transport of Goods) และผลักดันให้หอการค้า (Chamber of Commerce) ที่อยู่ชายแดนเร่งติดตามผล

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังให้ความมั่นใจแก่มาเลเซียว่า โครงการ Landbridge ของไทยซึ่งเชื่อมระหว่างมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก จะเป็นอีกทางเลือกของการขนส่งผ่านช่องแคบมะละกา และจะเป็นประโยชน์ต่อมาเลเซีย

ด้านการท่องเที่ยว มาเลเซียยินดีให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปยังมาเลเซีย พร้อมพิจารณาขับเคลื่อนความร่วมมือในเรื่องระบบคมนาคมขนส่งและการเดินทางในฝั่งมาเลเซียให้เพียงพอกับความต้องการ เพื่ออำนวยความสะดวกในการไปมาหาสู่กันของพี่น้องชาวไทยและมาเลเซีย 

ด้านการเกษตร มาเลเซียพร้อมร่วมมือกับไทยขับเคลื่อนความร่วมมือด้านอาหารฮาลาล รวมถึงการกำหนดมาตรฐานและความถูกต้องของสินค้าและอาหารฮาลาล นอกจากนี้ อาหารฮาลาลยังเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร

ด้านความมั่นคงชายแดน ผู้นำไทยและมาเลเซียต่างให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการค้าสัตว์ป่าเถื่อนข้ามชายแดน โดยพร้อมทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและเข้มข้น พิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือต่อสู้กับการลักลอบค้าสัตว์ป่า และหยุดการลักลอบให้ได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 

“นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าใจถึงบริบทของความสัมพันธ์ทวิภาคี ไทย-มาเลเซีย ที่มีความสำคัญในหลากหลายมิติ การพบกันของผู้นำไทยและมาเลเซีย ณ ด่านสะเดา จังหวัดสงขลา ในครั้งนี้ จึงเป็นการต่อยอด กระชับความสัมพันธ์ ซึ่งได้ส่งผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในหลายด้าน ทั้งความเชื่อมโยง ด้านถนน สะพาน เปิดโครงการ One Stop Service ที่ด่านสะเดา จ. สงขลา ตกลงร่วมกันที่จะเพิ่มการค้าชายแดน สนับสนุนการท่องเที่ยว พัฒนาการเกษตร และความมั่นคง ระหว่างกัน ซึ่งทำให้เห็นความมุ่งมั่นของผู้นำทั้งสอง ไทย-มาเลเซีย ที่จะร่วมส่งเสริมและพัฒนาพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ พร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายได้ผลประโยชน์ร่วมกันให้ก้าวหน้า” นายชัย กล่าว